เพชรบุรี - รวบแล้วคนจ้างวานพร้อมมือปืน ยิงเจ้าของร้านอาหารป้าอี๊ด ชายหาดชะอำเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากโกรธเคืองเรื่องของผลโยชน์จากขายร้านอาหาร
วันนี้ (12 ส.ค.) ที่ สภ.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี พล.ต.ต.เทียนชัย คามะปะโส ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ ผกก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี และ พ.ต.อ.วรเดช สวนคล้าย ผกก.สภ.ชะอำ ได้ร่วมกันแถลงข่าวคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายอำพิน โดยมีผู้ต้องหาในการแถลงข่าว 2 คนคือ ผู้จ้างวานฆ่าและมือปืน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับผู้จ้างวานฆ่าคือ นายวารินทร์ มาดี อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 17 บ้านหนองตาพต ต.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการใช้ จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีเหตุสมควร และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้าน
สำหรับมือปืนคือ นายสำเริง เทื่อนทา อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 ม.5 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีเหตุสมควร และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้าน
จากการสืบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายวารินทร์ หรือไข่ มาดี ผู้ใช้จ้างวานฆ่า ได้มีสาเหตุโกรธเคืองขัดแย้งกับนายอำพิน ผู้ตาย เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ร้านอาหารทะเล ซึ่งเป็นร้านของมารดานายอำพิน โดยนายไข่ ได้ตกลงซื้อร้านดังกล่าวจากแม่นายอำพิน ซึ่งเสียชีวิตไปก่อนที่นายอำพิน จะถูกยิงในราคา 5 ล้านบาท แต่นายวารินทร์ ได้จ่ายเงินมาแล้วแค่ 3 ล้านบาท ยังคงเหลือค้างอีก 2 ล้านบาท จึงทำให้เกิดการทวงถาม และทะเลาะกันถึงขั้นรุนแรงทำให้นายวารินทร์ ไม่พอใจ จึงได้ว่าจ้างนายสำเริง มือปืนมาก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายอำพิน ถึงแก่ความตาย
เบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งคู่ให้การปฏิเสธและอ้างว่าไม่เคยรู้จักกัน อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.เทียนชัย เชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมี และยืนยันว่าสามารถดำเนินการเอาผิด นายวารินทร์ และนายสำเริง ตามกฎหมายได้อย่างแน่นอน