นครสวรรค์ - ตำรวจตามรวบตัวได้คาบ้าน ยึดทองกลับคืนครบทั้ง 38 บาท..ที่แท้พ่อค้าขายหมูคนไพศาลีใช้ชีวิตหรูหรา ติดหนี้สีเทาต้องชดใช้ ได้แฟนสาวคนใหม่ต้องเลี้ยงดู ห่อท่อแป๊ปเหมือนปืนยาวบุกเดี่ยวจี้ชิงทองกลางห้างฯ ท่าตะโก
ความคืบหน้ากรณีคนร้ายควงปืนยาวบุกจี้ชิงทองที่ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างบิ๊กซี สาขา อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ บังคับพนักงานกวาดทองใส่กระเป๋าทั้งหมด 38 บาท ก่อนบึ่งรถกระบะหลบหนีไป เมื่อเย็นวานนี้ (10 ส.ค.) และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการลงพื้นที่สืบสวนสอบสวน พร้อมกับรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้ ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (11 ส.ค.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ตำรวจมาลงจอดที่ลานหน้า สภ.ท่าตะโก เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดี โดยเรียกประชุมสรุปข้อมูลทั้งหมดก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ภายในห้างบิ๊กซี สาขา อ.ท่าตะโก โดยใช้เวลาตรวจสอบนานเกือบชั่วโมง จึงเดินทางกลับไปร่วมประชุมกับทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงานที่ สภ.ท่าตะโกอีกครั้ง
ส่วนแนวทางการสืบสวนคดีนั้น แหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้าย พบว่ารถกระบะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุได้ขับหลบหนีเข้าไปในพื้นที่ อ.ไพศาลี จึงได้ส่งทีมลงพื้นที่หาข่าว จนสืบทราบตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ซึ่งเข้าข่ายว่าจะเป็นคนร้าย หลังตรวจสอบเฟซบุ๊กของผู้ต้องสงสัยรายนี้พบว่าได้โพสต์รูปภาพรถกระบะที่เหมือนกันกับรถที่ใช้ก่อเหตุ อีกทั้งยังพบว่ามีการโพสต์รูปปืนยาวเอาไว้อีกด้วย
แหล่งข่าวยังได้เปิดเผยข้อมูลด้วยว่า มีพยานที่เป็นแม่ค้าขายรองเท้าอยู่ใกล้กับร้านทอง จดจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน จึงได้มีการนำรูปของผู้ต้องสงสัยรายนี้มาให้ดูเพื่อยืนยัน ซึ่งแม่ค้ารองเท้ายืนยันว่า คนร้ายที่ก่อเหตุจี้ชิงทองเป็นบุคคลเดียวกับรูปผู้ต้องสงสัย พร้อมกับระบุว่าก่อนลงมือก่อเหตุคนร้ายรายนี้เข้ามาในร้านทองถึง 2 ครั้ง รอบแรกมาตัวเปล่าในลักษณะเดินลุกลี้ลุกลน แล้วจึงเดินออกไปก่อนจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ถือวัตถุยาวห่อผ้าสีขาวมาด้วย
เจ้าหน้าที่จึงได้มีการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดขอหมายจับจากศาลจังหวัดนครสวรรค์ และทางเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย พร้อมยึดรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน กว 3262 นครสวรรค์ ซึ่งเป็นรถลักษณะเดียวกันกับที่ใช้ก่อเหตุมาตรวจสอบตั้งแต่คืนที่ผ่านมา
เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยยังคงให้การปฏิเสธ กระทั่งช่วงสายวันนี้ ผู้ต้องสงสัยคือ นายจักรกฤษ เฮงสกุล อายุ 33 ปี ชาว ต.ตะคร้อ อ.ไพศาลี จึงยอมเปิดปากให้การรับสารภาพว่าเป็นคนบุกเข้าจี้ชิงทองร้านทองเยาวราชกรุงเทพจริง และยืนยันว่าก่อเหตุเพียงคนเดียวเท่านั้น
นายจักรกฤษอ้างว่าประสบปัญหาเรื่องเงิน และมีหนี้สินที่ถูกบังคับให้ต้องชดใช้ ประกอบกับเพิ่งคบหากับแฟนสาวคนใหม่ จำเป็นต้องใช้เงินทั้งเพื่อหนี และเลี้ยงดูแฟนสาว เลยตัดสินใจขับรถไปลงมือก่อเหตุจี้ชิงทองดังกล่าว ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ ขอยืนยันว่าไม่ใช่อาวุธปืนยาว แต่เป็นเหล็กแป๊ปยาว โดยได้นำผ้าสีขาวมาห่อหุ้มให้ดูคล้ายว่าเป็นอาวุธปืนยาวไปก่อเหตุ และหลังจากชิงทองมาได้แล้วจึงได้ขับรถกลับไปที่บ้าน เอาทองที่ได้มาไปขุดหลุมฝังไว้ที่ข้างบ้าน แต่สุดท้ายก็ถูกตำรวจบุกเข้ามาจับกุมตัวที่บ้านพักแบบทันควัน
ด้าน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า หลังสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่าผู้ต้องหาคือ นายจักรกฤษ เป็นพ่อค้าขายหมู แต่มีพฤติการณ์ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด รวมถึงยังเป็นหนี้สินในระบบสีเทาด้วย โดยที่ผ่านมานายจักรกฤษจะมีพฤติกรรมใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และชอบใช้ชีวิตหรูหราให้ดูเป็นคนมีฐานะ แต่สุดท้ายต้องมาตกเป็นหนี้ที่ถูกบังคับให้ต้องชดใช้ จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการสอบสวนขยายผลต่อไป
ส่วนทองคำรูปพรรณ จำนวน 38 บาทที่ถูกชิงไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่สามารถนำของกลางกลับคืนมาได้ทั้งหมดแล้ว แต่ยังเหลือหลักฐานทั้งเสื้อผ้า และท่อแป๊ปที่ใช้ผ้าขาวปิดอำพรางให้ดูคล้ายกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าได้นำไปโยนทิ้งไว้ในป่า จึงต้องตามหาวัตถุพยานหลักฐานทั้งหมดก่อนรวบรวมส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาจี้ชิงทรัพย์ต่อไป