เชียงใหม่ - ตำรวจรวบ “ดีเจอ้วน” อดีตแกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ ตกอับขโมยเงินจากตู้บริจาควัดเจ็ดยอด เจ้าตัวปฏิเสธปากแข็ง ก่อนจำนนหลักฐานกล้องวงจรปิดชัดเจน พบย่ามใจก่อเหตุซ้ำซากหลายรอบ จนทางวัดสุดทนต้องแจ้งความลากคอเข้าคุกซ้ำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงใหม่ นำโดยพันตำรวจตรีณัฐพล เอกฉันท์ สารวัตรสืบสวน นำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่จับกุมตัวนายอภิชาติ อินสอน หรือดีเจอ้วน อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/6 หมู่ 1 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงใหม่ หลังก่อเหตุลักทรัพย์ เงินสดในตู้บริจาคของวัดเจ็ดยอด เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น.วันที่ 29 ก.ค. 63 โดยมีหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดของวัดที่สามารถบันทึกภาพขณะก่อเหตุเอาไว้ได้อย่างชัดเจน เป็นภาพที่คนร้ายเป็นชายรูปร่างอ้วนกำลังใช้ไม้หรือลวด คาดว่าน่าจะติดกาวไว้ที่ปลาย สอดเข้าไปทางช่องของตู้บริจาคเพื่อดึงเอาธนบัตรที่อยู่ในตู้ออกมา โดยเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานสืบทราบและจับกุมได้ ที่หอพักแห่งหนึ่งในตำบลช้างเผือก ช่วงบ่ายวานนี้ (7 ส.ค.)
ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากทางวัดได้เข้าแจ้งความพร้อมหลักฐานกล้องวงจรปิดว่ามีคนร้ายก่อเหตุขโมยเงินตู้บริจาคมาแล้วหลายครั้ง และครั้งล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 02.30 น.วันที่ 29 ก.ค. 63 ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบตัวคนร้ายและขอหมายศาลจับกุม ซึ่งขณะถูกจับกุมนายอภิชาติให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุขโมยเงินจากตู้บริจาคของวัดแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้แสดงหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว นายอภิชาติได้ยอมรับเนื่องจากจำนนด้วยหลักฐาน จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ ซึ่งนายอภิชาติให้การสารภาพว่าก่อเหตุนำเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเนื่องจากตกงานไม่มีรายได้ โดยพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับนายอภิชาติ หรือดีเจอ้วน เป็นหนึ่งในแกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ ที่เคยเคลื่อนไหวในลักษณะที่ชอบใช้ความรุนแรงและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างดีในพื้นที่เชียงใหม่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 63 พบว่าได้เข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลกับกลุ่มนักศึกษาที่ลานประตูท่าแพ เชียงใหม่ ด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะมาถูกจับกุมในครั้งนี้จากการขโมยเงินตู้บริจาคของวัดเจ็ดยอด วัดที่นายอภิชาติเคยบวชเป็นพระอยู่ช่วงหนึ่ง จากนั้นได้สึกออกไปใช้ชีวิตปกติ แล้วกระทำความผิดต้องถูกดำเนินคดีและถูกตัดสินจำคุก กระทั่งพ้นโทษออกมายังได้มาขออาศัยใช้ชีวิตอยู่ที่วัดอีกช่วงหนึ่งด้วยและออกไป แต่กลับมาก่อเหตุดังกล่าว