กาญจนบุรี - เกิดพายุฝนกระหน่ำเมืองกาญจน์ พัดยอดพระเจดีย์หอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ถล่มลงมาพังเสียหายหลังสร้างได้เพียง 7 ปีเศษ โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ เจ้าอาวาสวัดคาดเหล็กยึดเก่าและชำรุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.30 น. ของวันที่ (19 ก.ค.) ที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนพัดโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ทำให้ยอดพระเจดีย์หอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ 19 ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดเทวสังฆาราม (พระอารามหลวง) หรือวัดเหนือ ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี ริมแม่น้ำแควใหญ่ด้านทิศตะวันออก ซึ่งถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองกาญจนบุรี ถูกพัดพังถล่มลงมา โชคดีขณะเกิดเหตุไม่มีพระสงฆ์หรือชาวบ้านอยู่ในบริเวณดังกล่าว
ท่านเจ้าคุณพระกิตติสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม พร้อมพระลูกวัด และกรรมการของวัด รวมทั้งชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุเป็นจำนวนมาก ซึ่งพระเจดีย์หอพระประวัติแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2556 หรือประมาณ 7 ปี มูลค่าก่อสร้างประมาณ 200 ล้านบาท จากการตรวจสอบพบว่าส่วนยอดพระเจดีย์ซึ่งอยู่บนยอดหอพระประวัติฯ ได้หักโค่นลงมากองกับพื้น จนทำให้ยอดพระเจดีย์ รวมถึงกระเบื้องและหลังคาแตกเสียหาย แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
สำหรับยอดพระเจดีย์หอพระประวัติฯ ที่หักลงสู่พื้น ชาวบ้านรวมถึงพระในวัด เมื่อเห็นโครงสร้างของเหล็กแล้วต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่คาดคิดว่าช่างรับเหมาจะกล้าทำเช่นนี้ เนื่องจากโครงสร้างไม่ได้มีความแข็งแรง จุดเชื่อมของเหล็กก็เชื่อมไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมีสภาพเก่ามาก ทั้งๆ ที่เพิ่งจะสร้างเสร็จได้ไม่นาน ทางกรรมการวัดจะมีการประชุมหารือกันในวันพรุ่งนี้ พร้อมจะแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรีเข้าร่วมด้วย เพื่อเร่งหาข้อสรุปเพื่อดำเนินการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วนเนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยไปจะทำให้ภายในอาคารและทรัพย์สินเกิดความเสียหายได้ เพราะในช่วงนี้มีฝนตกลงมาแทบทุกวัน
ท่านเจ้าคุณพระกิตติสุวัฒนาภรณ์ (เจ้าอาวาส) กล่าวว่า ก่อนที่ยอดพระเจดีย์หอพระประวัติฯ จะพังถล่มลงมาได้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงจนทำให้ยอดพระเจดีย์พังถล่มลงมา และยังได้ตกลงมากระแทกกับกระเบื้องและหลังคาของหอพระประวัติจนพังเสียหายอีกหลายจุด ซึ่งหลังคาที่แตกทำให้น้ำฝนไหลเข้าไปภายในบริเวณส่วนจัดแสดงหนังสือพระประวัติ และจุดจำหน่ายวัตถุมงคลจนได้รับความเสียหาย ส่วนสาเหตุเบื้องต้นพบว่าโครงสร้างไม่แข็งแรง และเหล็กมีสภาพเก่าขึ้นสนิมหมดแล้ว จึงคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุให้ยอดพระเจดีย์ต้านทานแรงพายุไม่ไหวและพังถล่มลงมา ส่วนค่าเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ ซึ่งจะต้องทำการสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมกับประชุมร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งคณะกรรมการ เพื่อเร่งทำการบูรณะซ่อมแซมในส่วนที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนี้ต่อไป
ด้าน พระสมุห์วิโรจน์ วิโรจโน พระเลขาฯ แจ้งว่า ช่วงที่เกิดพายุฝนตกหนัก ได้มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองมาไม่พบยอดพระเจดีย์ จึงขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าสายฝนมาแจ้ง ตนจึงไปแจ้งให้เจ้าอาวาสทราบ ก่อนพากันมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมถึงได้เข้าไปตรวจสอบและป้องกันไม่ให้ภายในหอพระประวัติได้รับความเสียหายจากน้ำฝน โดยนำสิ่งของไปปิดกั้นในเบื้องต้นไว้แล้ว
ขณะที่กรรมการวัดฯ กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขอชาวกาญจน์อย่าตื่นตกใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากพายุลมแรง รวมถึงวัสดุที่ใช้ก่อสร้างมีสภาพเก่า และโครงสร้างอาจจะหมดอายุ แต่ไม่ได้เป็นลางร้ายหรือลางบอกเหตุสิ่งไม่ดีแต่อย่างใด หลังจากนี้จะต้องประชุมร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อเร่งบูรณะเป็นการด่วน เนื่องจากภายในอาคารฯ มีประวัติที่สำคัญอยู่จำนวนมาก หากปล่อยไว้นานอาจจะเกิดความเสียหายได้
สำหรับหอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร ตั้งอยู่บริเวณวัดเทวสังฆารามพระอารามหลวง (วัดเหนือ) โดยจังหวัดกาญจนบุรี คณะสงฆ์ และทุกภาคส่วนร่วมกันจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งมีชาติภูมิเป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรี ในโอกาสที่ทรงพระชันษาครบ 8 รอบ 96 ปี และเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ทางพระพุทธศาสนา การศึกษาอบรม การปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา รวมทั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาและที่พักผ่อนของประชาชน เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556 ใช้งบประมาณในการดำเนินงาน 126,799,298.20 บาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากโครงการไทยเข้มแข็ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และเงินบริจาคของประชาชน
ลักษณะเด่น หอพระประวัติเป็นแหล่งเรียนรู้ในทางธรรม และเรื่องราวของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จัดแสดงทั้งหมด 3 ชั้น ดังนี้
ชั้นแรก จัดแสดงเรื่องสมเด็จพระสังฆราชในสมัยรัตนโกสินทร์ทั้ง 19 พระองค์ และพระประวัติ พระจริยาวัตรของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
ชั้นสอง จัดแสดงพระศาสนกิจ พระเกียรติคุณ ผลงานพระนิพนธ์ของท่านเจ้าพระคุณสมเด็จฯ และเครื่องประกอบสมณศักดิ์
ชั้นสาม เป็นห้องวิปัสสนากรรมฐาน ที่ฝึกสำรวมจิตกายใจ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มาฝึกฝนเรียนรู้ปฏิบัติตนตามกำลังศรัทธา
และเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2553 สมเด็จพระเทพราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานวางศิลาฤกษ์หอประวัติ และการก่อสร้างได้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2555 มีพิธีเปิดอาคารหอพระประวัติเมื่อวันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม 2556 โดยสมเด็จพระเทพราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานและทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระรูปเหมือนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) ซึ่งเมื่อหล่อเสร็จเรียบร้อยได้นำมาประดิษฐานให้สาธุชนได้สักการะ ณ หอพระประวัติแห่งนี้ด้วย