บุรีรัมย์ - คุณแม่วัย 37 ชาวบุรีรัมย์เจ็บใจ อุ้มลูกน้อยบุกแจ้งความหลังถูกหลอกโอนเงินอุดหนุนบุตรเดือนละ 600 บาทที่รัฐช่วยเหลือซื้อนมผงผ่านเฟซบุ๊ก สุดท้ายถูกเชิดเงินหนีติดต่อไม่ได้ ชี้ซ้ำเติมคนไม่มีงานทำและต้องเลี้ยงลูกน้อย ไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่ออีก
วันนี้ (10 ก.ค.) นางวิจิตตราพร ชำนาญกอง อายุ 37 ปี ชาวบ้านหนองปรือ ต.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้อุ้มลูกชายวัย 1 ขวบเศษ เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.เสนอ สุภาษิต รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ หลังถูกหลอกโอนเงินซื้อนมผงผ่านเฟซบุ๊ก แต่สุดท้ายกลับไม่ได้รับของและถูกเชิดเงินหนีไม่สามารถติดต่อได้
นางวิจิตตราพรให้ข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมาเธอเห็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “PAM PAM” ได้โพสต์ขายนมผงแบบจืด ซึ่งมีอยู่ประมาณ 11 กล่อง และเธอเห็นว่าผู้ที่โพสต์ขายเป็นแม่ลูกอ่อนเหมือนกัน และระบุในโพสต์ว่า ลูกของเขาไม่กินนมแล้วจึงเอามาโพสต์ขาย หากใครซื้อจะแถมขวดนมให้ด้วย ตนจึงติดต่อไปสอบถามรายละเอียดในเฟซฯ โดยผู้โพสต์ระบุว่าเป็นชาว จ.ชุมพร ซึ่งเธอเห็นว่าเป็นแม่ลูกอ่อนเหมือนกันไม่น่าจะหลอก จึงตกลงซื้อนมผงที่โพสต์ขายเพราะลูกชายก็กินนมผงอยู่แล้ว จากนั้นผู้โพสต์ส่งบัญชีชื่อว่า “สุภาวดี” ขอสงวนนามสกุล บัญชีธนาคารกสิกรไทย มาให้
จากนั้นตนจึงนำเงินอุดหนุนในโครงการเงินอุดหนุนบุตรหรือเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในครอบครัวที่มีรายได้น้อย ตั้งแต่แรกเกิด จนถึง 6 ขวบ ที่ได้รับเดือนละ 600 บาท โอนไปยังบัญชีดังกล่าวเพื่อซื้อนมผงตามที่โพสต์ขาย แต่ผ่านไป 3 วันยังไม่ได้รับของ พอติดต่อไปยังเจ้าของเฟซบุ๊กก็ไม่สามารถติดต่อได้ และล่าสุดได้ปิดเฟซฯ หนี จึงเชื่อว่าถูกหลอกอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบและดำเนินคดีต่อเจ้าของเฟซฯ ดังกล่าว
นางวิจิตตราพรบอกอีกว่า ถึงแม้ยอดเงินที่เสียไปอาจจะเป็นจำนวนไม่มาก แต่สำหรับตนเองถือว่ามีค่าและสำคัญ เพราะตนไม่ได้ทำงานมีเพียงสามีทำงานรับจ้างคนเดียว แถมยังต้องเลี้ยงลูกน้อยอีกและเงินที่โอนไปซื้อก็เป็นเงินอุดหนุนที่รัฐบาลช่วยเหลือสำหรับผู้มีรายได้น้อย แต่กลับมาถูกหลอกแบบนี้เป็นการซ้ำเติม และที่ตัดสินใจมาแจ้งความก็ไม่คิดว่าจะได้เงินคืน แต่อยากให้ตำรวจดำเนินคดีต่อคนที่หลอกจะได้ไม่ไปหลอกลวงหรือซ้ำเติมคนอื่นอีก