ศูนย์ข่าวศรีราชา - วอดกว่า 200 ล้านบาท "อาคารพุทธบารมี" บ้านสุขาวดี หลังเพลิงไหม้หนักเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม่บ้านอาคารเผยเพิ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวเป็นวันแรกโดยประกายไฟเกิดขึ้นหลังเปิดระบบไฟในอาคารเพียง 2 ชม. ขณะที่ยอดทำประกันสูงกว่า 2,000 ล้าน
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้อย่างรุนแรงภายในอาคารพุทธบารมี อาคารทรงโดมสูงประมาณ 20-30 เมตร ใช้สำหรับกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านสุขาวดี เลขที่ 228 ม.2 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมเป็นวันแรกจากที่ต้องหยุดกว่า 3 เดือนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำหน่วยงานเกี่ยวข้องต้องเร่งระดมรถน้ำดับเพลิงหลาย 10 คัน เข้าระงับเหตุ
เบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร และประเมินความเสียหายเบื้องต้นหลาย 100 ล้านบาท โดยอาคารดังกล่าวได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัท ทิพยประกันภัย ในวงเงินสูงกว่า 2,000 ล้านบาทนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา นายอำนาจ เจริญศรี นายอำเภอบางละมุง พร้อมด้วย นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา พ.ต.อ.พัฒนชัย ภมรพิบูลย์ ผกก.สภ.บางละมุง และหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปกครอง และหน่วยบรรเทาสาธารณภัยเมืองพัทยา ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุโดยพบว่าเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง
ขณะที่ภายในอาคารมีทรัพย์สิน เฟอร์นิเจอร์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งของตกแต่งมีค่าเป็นจำนวนมาก
นอกจากนั้น ยังมีพรมบนพื้นอาคารซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงทำให้ยังมีเพลิงไหม้ปะทุอยู่เป็นระยะและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนตัวอาคารเริ่มร้าวจนอาจจะถล่มลงมาได้ เจ้าหน้าที่จึงเร่งกันแนวเขตเพื่อป้องกันอันตราย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
จากการสอบถาม นางเชอร์รี่ ชาวพม่า พนักงานผู้ดูแลอาคารบอกว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกของการเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมหลังปิดมานานหลายเดือนจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งในช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเองได้เข้ามาเปิดระบบไฟภายในอาคาร รวมทั้งทำความสะอาดตามปกติ
กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง จึงได้ยินเสียงดัง และเห็นเปลวเพลิงเริ่มลุกไหม้บริเวณเวที ก่อนจะปะทุและลุกลามอย่างรวดเร็ว
สำนักการช่างเมืองพัทยา ประกาศเป็นเขตเพลิงไหม้
และล่าสุด เจ้าหน้าที่สำนักการช่างเมืองพัทยา และฝ่ายปกครอง ได้ทำการประกาศให้อาคารดังกล่าวเป็นเขตเพลิงไหม้แล้ว รวมทั้งได้ปิดกั้นพื้นที่และระงับการใช้อาคารเนื่องจากหวั่นว่าอาจทำให้เกิดอันตรายได้