ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงฯ เผยภาคอีสานกำลังเข้าสู่ภาวะฝนทิ้งช่วง การทำฝนหลวงทำได้ยากมากขึ้น แต่หากพบก้อนเมฆจับตัวกันเมื่อใดขนสารเคมีบินขึ้นทำฝนหลวงทันที เน้นพื้นที่การเกษตรเป็นอันดับแรกเพราะปลูกข้าวนาปีกันไปมากแล้ว
วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือบน จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ลำเลียงสารเคมีหนัก 2 ตันขึ้นเครื่องบินฝนหลวง รุ่นกาซ่า จำนวน 2 ลำ เพื่อบินขึ้นไปโปรยสารเคมีให้ก้อนเมฆจับตัว หลังจากนั้นก็จะบินขึ้นอีกครั้งเพื่อพ่นสารเคมีโจมตีก้อนเมฆทำปฏิกิริยาให้เกิดฝนตกลงมา
โดยการขึ้นบินในวันนี้ได้สำรวจแล้วพบมีกลุ่มเมฆที่เอื้อต่อการทำฝนหลวง ในพื้นที่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม และ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ
นางสาววาสนา วงษ์รัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคอีสานตอนบนที่ตนดูแล ขณะนี้มีการขอให้ทำฝนหลวงเข้ามาแล้ว 9 จังหวัด ทำให้ทางศูนย์ฯ ต้องเร่งทำฝนหลวงเพื่อช่วยเกษตรกร ซึ่งส่วนใหญ่ได้ลงมือเพาะปลูกข้าวนาปีกันไปแล้วจำนวนมาก โดยภาคอีสานตอนบนได้ตั้งฐานปฏิบัติการที่ท่าอากาศยานขอนแก่น และท่าอากาศยานอุดรธานี
อย่างไรก็ตาม นางสาววาสนากล่าวว่า ในห้วงนี้สภาพความชื้นในอากาศเริ่มลดลงเพราะกำลังเข้าสู่ภาวะฝนที่ทิ้งช่วง ทำให้การทำฝนหลวงทำได้ยากมากขึ้น
ดังนั้น แต่ละวันทีมงานเจ้าหน้าที่ต้องติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เมื่อพบการก่อตัวของเมฆเกิดขึ้นในพื้นที่ใดก็จะเร่งขึ้นไปทำฝนหลวงทันที โดยจะเน้นพื้นที่ทางการเกษตรเป็นอันดับแรก ส่วนการเติมน้ำเข้าเขื่อนอุบลรัตน์ก็เช่นกัน หากพบกลุ่มเมฆในพื้นที่ตอนเหนือของเขื่อนที่เอื้อทำฝนหลวงก็จะทำฝนหลวงทันที เนื่องจากน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ยังมีปริมาณน้อยมาก ยังต้องใช้น้ำก้นอ่างกันอยู่