ศูนย์ข่าวศรีราชา - เพลิงไหม้โรงงานอัดเม็ดพลาสติกเนื้อที่กว่า 40 ไร่ ของนักลงทุนชาวจีนใน อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ทำโกดังเก็บเม็ดพลาสติกวอดทั้งหลัง โชคดีเจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำทันจึงไม่ลุกลามไปยังโกดังที่ 2 เบื้องต้น ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.30 น.วันนี้ (16 มิ.ย.) ได้เกิดเพลิงไหม้โรงงานอัดเม็ดพลาสติกซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสาย 331 ใกล้แยกแปลงกระถิน ม.8 ต.หนองปรือ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุหน่วยกู้ภัยสว่างเหตุทุ่งเหียง ได้แจ้งไปยัง ร.ต.อ.ธวัชชัย ลาพันธ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.พนัสนิคม เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมระดมรถน้ำดับเพลิงทั้งในพื้นที่และใกล้เคียงรวม 15 คัน เข้าระงับเหตุ
โดยพบโรงงานขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในเนื้อที่กว่า 40 ไร่ มีกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งออกจากโรงงาน ขณะที่เปลวเพลิงได้ลุกไหม้บริเวณโกดังด้านหน้าซึ่งเป็นส่วนเก็บเม็ดพลาสติกที่ถูกบรรจุในถุงบิ๊กแบ็ก เพื่อรอการรีดให้เป็นเส้น และนำส่งต่อขึ้นรูปในโกดังหลังที่ 2
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องกระจายกำลังระดมฉีดน้ำสกัดไม่ให้เพลิงลุกลามไปยังโกดังหลังที่ 2 และถุงบิ๊กแบ็กที่วางอยู่รอบตัวอาคาร แต่เนื่องจากพลาสติกเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีจึงทำให้เปลวเพลิงลอยไปในอากาศและปลิวไปติดโครงสร้างหลังคาจนได้รับความเสียหาย ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
จากการสอบถาม นายสมชาย แซ่ชื้อ อายุ 55 ปี ผู้ดูแลโรงงานทราบว่า ได้เห็นกลุ่มควันลอยเต็มหลังคาโรงงานตั้งแต่เมื่อเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา เมื่อรีบออกจากที่พักมาดูพบว่าเพลิงได้ลุกไหม้กองพลาสติกอย่างรุนแรง จึงโทรศัพท์แจ้ง 191 เพื่อขอความช่วยเหลือ
โชคดีที่ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงปิดโรงงานเนื่องจากหยุดการผลิตมานาน 3 วันแล้ว ซึ่งโกดังแห่งนี้เป็นของนักลงทุนชาวจีน ที่ได้ขอเช่าพื้นที่เพื่อทำกิจการอัดเม็ดพลาสติก ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ยังไม่สามารถระบุได้ เช่นเดียวกับมูลค่าความเสียหายที่ต้องรอให้เจ้าของมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ขณะที่ นายสมบัติ เอี่ยมสุข เจ้าหน้าที่ดับเพลิงซึ่งเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นคนแรกบอกว่า หลังได้รับแจ้งจึงรีบนำรถน้ำดับเพลิงเข้าระงับเหตุ โชคดีที่จุดเกิดเหตุอยู่ในช่วงแคบๆ และยังเป็นโกดังที่มีโครงหลังคาสูงจึงทำให้การควบคุมเพลิงทำได้ง่าย
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกภาพที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน และจะได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี เพื่อให้เข้าเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป
