จันทบุรี - นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.จันทบุรี จี้รัฐทบทวนเปิดจุดผ่านแดนทั่วประเทศ หลังปิดด่านฯ 2 เดือน ทำมูลค่าการค้าไทย-กัมพูชา หายกว่า 50,000 ล้านบาท ชี้หากยังไม่พิจารณาเปิดด่านฯ เสียหายอีกกว่า 80,000 ล้านบาท ซ้ำยังสร้างปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก
วันนี้ (4 มิ.ย.) ดร.รัฐวิทย์ ตั้งเกียรติพชร นายกสมาคมการค้าและการท่องเที่ยวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.จันทบุรี ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลกระทบจากการปิดจุดผ่านแดนทั่วประเทศในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาว่า ทำให้มูลค่าการค้าบริเวณแนวชายแดนหายไปแล้วกว่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นความเสียหายทางการค้าระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์บุรีรัมย์ สระแก้ว เรื่อยมาจนถึง จ.จันทบุรี และตราด
โดยเชื่อว่าหากรัฐบาลยังประกาศให้ปิดจุดผ่านแดนถาวรต่างๆ ต่อไป ก็จะทำให้เกิดความเสียหายทางการค้าอีกไม่น้อยกว่า 70,000-80,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การปิดจุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่อนปรนต่างๆ บริเวณแนวชายแดนไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายทางการค้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อแรงงานที่จำเป็นต้องใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นชาวสวนผลไม้ในพื้นที่ภาคตะวันออกที่กำลังขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก เนื่องจากเป็นช่วงผลผลิตที่กำลังออกสู่ตลาด โดยเฉพาะลำไยจันทบุรี ที่จะออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากในอีก 1 เดือนข้างหน้า
ขณะที่สถานการณ์ความวุ่นวานที่เกิดขึ้นในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ที่มีการปลุกระดมให้ผู้ค้าและกลุ่มแรงงานกัมพูชาที่ไม่สามารถเข้ามาทำการค้าในตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว ได้ลุกฮือเข้าปิดสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา เพื่อห้ามไม่ให้รถสินค้าจากไทยเข้าไปส่งสินค้าในกัมพูชา จนต้องมีการตรึงกำลังทั้งเจ้าหน้าที่ทหารฝั่งไทย และกัมพูชา เพื่อป้องกันการชุมนุมประท้วงนั้น เบื้องต้นเชื่อว่าจะยังไม่ลุกลามมาถึงฝั่งชายแดนด้าน จ.จันทบุรี
“แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันที่มีการปิดชายแดน ก็คือความเสียหายทางการค้า และในวันนี้เมื่อไม่มีการพบผู้ป่วยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย สิ่งนี้รัฐบาลควรพิจารณาการเปิดจุดผ่านแดน เนื่องจากมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ตามแนวชายแดนในวันนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถทำการป้องกันได้ง่ายกว่าการแพร่ระบาดในห้างสรรพสินค้าเนื่องจากไม่ใช่พื้นที่ปิด ที่สำคัญในวันนี้ประเทศกัมพูชา และเวียดนาม ไม่ใช่ประเทศกลุ่มเสี่ยงแล้ว จึงน่าที่จะสามารถทำการค้าระหว่างกันได้ตามปกติ” ดร.รัฐวิทย์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทยภกัมพูชา บ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ว่าแม้ชายแดนด้าน จ.สระแก้ว จะเกิดปัญหาความไม่พอใจของกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าด้านเมืองปอยเปต ที่ไม่สามารถเดินทางข้ามจุดผ่านแดนถาวรคลองลึก อ.อรัญประเทศ ได้ แต่ในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อค้าแม่ค้า กัมพูชากับคนไทยยังเป็นไปตามปกติ
โดยเฉพาะด่านชายแดนด้าน จ.จันทบุรี แม้จะมีความไม่สบายใจของผู้ขับรถขนส่งสินค้าที่เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยเนื่องจากชาวกัมพูชาในเมืองปอยเปตระบุว่า จะไม่รับรองความปลอดภัยของรถสินค้าไทยที่เข้าไปยังกัมพูชา แต่ผู้ประกอบการก็ยังคงนำรถขนส่งสินค้าขับผ่านจุดผ่านแดนถาวรหมู่บ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน ไปยังกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง