xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงป้อม” นำคณะขึ้นเชียงใหม่ปลูกต้นไม้ฟื้นป่าดอยสุเทพ-ถอดบทเรียนแก้ไฟป่าหมอกควันเหนือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ลุงป้อม” รองนายกรัฐมนตรี ยกคณะขึ้นเชียงใหม่นำปลูกต้นไม้ฟื้นฟูป่าดอยสุเทพ 1.4 หมื่นต้น บนพื้นที่ 210 ไร่ ที่เสียหายจากไฟไหม้ป่า ประเดิมโครงการรวมใจไทยปลูกต้นไม้ทั่วประเทศ พร้อมถอดบทเรียนแก้ไฟป่า หมอกควันอย่างยั่งยืน


วันนี้ (21 พ.ค. 63) ที่บริเวณป่าเชิงดอยสุเทพ ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการรวมใจไทยปลูกต้นไม้ เพื่อฟื้นฟูป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียว พร้อมทั้งมอบกล้าไม้มีค่าให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ แขกผู้มีเกียรติ อีกทั้งนำร่องปลูกต้นไม้ยืนต้นที่มีค่าทางเศรษฐกิจ ไม้ให้ดอกและไม้กินได้ จำนวน 14,000 ต้น เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่เสียหายจากสถานการณ์ไฟป่า ให้กลับมีความอุดมสมบูรณ์อันจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับป่า รวมเนื้อที่ 210 ไร่

โอกาสนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวงฯ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวร่วมปลูกต้นไม้พร้อมกันทั้ง 25 อำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ในคราวเดียวกันอีกด้วย


พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้มีนโยบายในการปลูกฟื้นฟูสภาพป่าในประเทศไทย เพื่อให้เป็นไปตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และรัชกาลที่ ๑๐ เพื่อให้มีต้นไม้ยืนต้นในประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการบุกรุกป่า และปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวและสนับสนุนให้ประชาชนได้มีการปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ของตนเอง เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายในการปลูกต้นไม้มีค่าซึ่งสามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในอนาคตและเป็นสมบัติให้แก่ครอบครัวได้

ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีเจตนารมณ์สำคัญคือ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกให้ทุกคนมีความรักหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ และให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของทุกคน และที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่เสียหายจากสถานการณ์ไฟป่าในปีนี้ พร้อมขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงทะเบียนปลูกต้นไม้ในโครงการและกิจกรรมปลูกต้นไม้และปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยการร่วมลงทะเบียนปลูกต้นไม้แห่งความจงรักภักดีภายใต้ชื่อ "รวมใจไทย ปลูกต้นไม้ เพื่อแผ่นดิน" สืบสานสู่ 100 ล้านต้น ผ่านเว็บไซต์กรมป่าไม้ www.forest.go.th อีกช่องทางหนึ่งด้วย

จากนั้นเวลาประมาณ 10.30 น. พลเอก ประวิตร เดินทางไปยังหอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังสรุปการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสรุปผลและถอดบทเรียน (After Action Review : AAR) การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ภายใต้หัวข้อหลัก “การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างยั่งยืน” ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปการประชุมที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 19-21 พ.ค. 63


สำหรับการประชุมแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อย เพื่อระดมความคิดเห็นและถอดบทเรียน AAR ถึงสาเหตุของปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันภาคเหนือ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อสรุปในการกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ จากสถานการณ์ไฟป่าในปีนี้ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่ป่าเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ทางภาครัฐจึงต้องเร่งฟื้นฟูพื้นที่ป่าให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ โดยความร่วมแรงร่วมใจของ 9 จังหวัดภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และทุกหน่วยงานที่ร่วมทุ่มเทการปฏิบัติงานร่วมกัน

โดยทุกหน่วยงานต้องมีการคุมเข้มและบังคับใช้กฎหมายในความรับผิดชอบอย่างจริงจัง และใช้กลไกระดับหมู่บ้าน ตำบล โดยเฉพาะประชาคมหมู่บ้าน ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเพื่อร่วมเฝ้าระวังและจัดชุดดับไฟขั้นต้น ซึ่งหน่วยงานภาครัฐจะสนับสนุนกระบวนการการมีส่วนร่วมของชุมชนรักษาป่าในทุกพื้นที่อย่างเข้มแข็งต่อเนื่องกันไปอย่างยั่งยืน ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณและเป็นกำลังใจ พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันให้ก้าวไปสู่เป้าหมายการดำเนินการ ดังนี้

1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จะต้องมีความต่อเนื่อง แม้ว่าสถานการณ์จะผ่านพ้นไปแล้วก็ต้องเตรียมพร้อม วางแผน และกำหนดมาตรการทั้งระยะสั้น และระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหาให้หมดไปโดยเร็วและยั่งยืน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนืออย่างยั่งยืน ให้เป็นรูปธรรม และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

2. จัดชุดพิทักษ์ป่าประจำหมู่บ้าน ในหมู่บ้านเสี่ยงไฟป่าของ 9 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า และสนับสนุนการดับไฟป่า โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยทหารในพื้นที่ พร้อมทั้งจัดอบรมให้ความรู้แก่ชุดพิทักษ์ป่าและจิตอาสาพระราชทานอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการดูแลป่า และการดับไฟป่า เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

3. ให้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงอุปกรณ์เครื่องมือที่เพียงพอ สำหรับการปฏิบัติการดับไฟป่า การอนุรักษ์ป่า การบริหารจัดการเชื้อเพลิง และการติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน โดยทุกหน่วยงานต้องให้ความสำคัญ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงาน และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และพี่น้องประชาชน


4. ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบหลัก และให้ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนในการกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับจังหวัด รวมถึงแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง และการจัดระเบียบการเผาให้เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพปัญหา โดยให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนี้ ต้องมีตัวชี้วัดผลการดำเนินงาน สำหรับหน่วยงานส่วนกลาง จังหวัด และหน่วยงานในพื้นที่ที่ชัดเจน และสามารถประเมินผลการปฏิบัติงานได้อย่างเป็นรูปธรรม

5. จังหวัดและหน่วยงานส่วนกลางต้องทำให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจถึงความพยายามและแนวทางการดำเนินงานของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา และพร้อมให้ความร่วมมือ เป็นเครือข่ายในการอนุรักษ์ป่า โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยทหาร ต้องทำงานร่วมกัน ในการสื่อสารสร้างการรับรู้ให้เข้าถึงระดับหมู่บ้าน


6. เปลี่ยนผู้มีพฤติกรรมการเผาป่า และบุกรุกทำลายป่า ให้เป็นเครือข่ายดูแลรักษาป่า ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยทหาร สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ให้ความรู้ ส่งเสริมอาชีพและการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างโอกาสและส่งเสริมบทบาทในการเป็นจิตอาสาและเครือข่ายในการดูแลป่า เฝ้าระวังและดับไฟป่า ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่

7. ร่วมมือกับอาเซียนแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนอย่างยั่งยืน โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการต่างประเทศ หารือกับประเทศอาเซียน ให้เกิดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม และให้กองทัพภาคที่ 3 และจังหวัดชายแดนสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น