ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ส่ง 2 ตายายผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 5 และรายที่ 6 ของจังหวัดขอนแก่นกลับบ้านที่ อ.น้ำพอง หลังรักษาหายขาดและสุขภาพแข็งแรงดี แต่ยังต้องให้กักตัวอยู่ที่บ้านต่ออีก 14 วัน หลังวันที่ 22 พ.ย.ถึงจะออกจากบ้านพบปะเพื่อนบ้านได้
วันนี้ (9 พ.ค.) เวลาประมาณ 10.00 น. ที่โรงพยาบาลขอนแก่น นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น นำบุคลากรทางการแพทย์ มอบดอกกุหลาบเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ 2 ตายายชาวบ้านกุดน้ำใส อ.น้ำพอง ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 5 และรายที่ 6 ของจังหวัดขอนแก่นก่อนส่งทั้งคู่กลับบ้าน หลังเข้ารักษาตัวเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมา จนกระทั่งรักษาหายขาด
บรรยากาศการส่งตัวคุณตาคุณยายกลับบ้านเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยคุณยายวัย 63 ปี ยังต้องใช้เครื่องช่วยเดินเพราะมีอาการเจ็บที่หัวเข่า เนื่องจากเคยได้รับอุบัติเหตุมาก่อน จนต้องมีการรักษาด้วยการผ่าตัด โดยทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่นได้มอบหน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ไว้ใช้ที่บ้าน ก่อนที่ทั้ง 2 คน จะขึ้นรถโรงพยาบาลขอนแก่นเพื่อเดินทางไปยังอำเภอน้ำพอง
นพ.ชาญชัย เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อรายที่ 5 ตอนแรกรับ มีการติดเชื้อปอดทั้ง 2 ข้าง มีอาการหนักแต่แพทย์ได้ทำการรักษาตามอาการ โดยใช้ยาจากกระทรวงสาธารณสุขที่ส่งมาให้รักษา จนกระทั่งไม่พบเชื้อและไม่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 ในร่างกาย ส่วนผู้ติดเชื้อรายที่ 6 เป็นสามีของรายที่ 5 อายุ 70 ปี ได้เข้ารักษาตัวเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 ตลอดการรักษาคุณลุงมีสุขภาพที่แข็งแรง แพทย์ให้ยาจนหายขาด
.
หลังจากนั้น ได้เฝ้าดูอาการจนกระทั่งมั่นใจ จึงให้กลับบ้านในวันนี้ เพราะต้องการให้ทั้ง 2 คน ได้กลับบ้านพร้อมกันจะได้ลดปัญหาหวาดระแวงของชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมกำชับให้กักตัวในบ้าน ไปจนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 และขณะที่อยู่บ้านจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง 1 ถึง 2 เมตร ช่วงรับประทานอาหารจะต้องมีการใช้ช้อนส่วนตัวและช้อนกลาง ในการรับประทานอาหาร และยังจะต้องอยู่ห่างกับผู้คนอีกจนถึงหลังวันที่ 22 พฤษภาคม 2563
พร้อมทั้งขอความร่วมมือเพื่อนบ้านทุกคนอย่าได้แสดงท่าทีหวาดกลัวรังเกียจคุณตาและคุณยาย รักษาจนหายขาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว หลังวันที่ 22 พฤษภาคม นี้เป็นต้นไปสามารถไปมาหาสู่กันได้ตามปกติ แต่ยังจะต้องมีการเว้นระยะห่างกันและสวมใส่หน้ากากอนามัย หากร่วมรับประทานอาหาร ให้ใช้จานช้อนส่วนตัว รวมทั้งช้อนกลาง เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อไวรัส ส่วนการใช้กระติบข้าวเหนียวร่วมกัน ควรที่จะหาวิธีอื่นที่ไม่ให้มีการใช้มือล้วงจับข้าวเหนียวร่วมกัน