ชัยนาท - ผู้ว่าฯ ชัยนาท ออกคำสั่งให้คนที่เดินทางมาจากภูเก็ต เข้ารายงานตัวต่ิพนักงานควบคุมโรค ห้ามเข้าพักในพื้นที่ชัยนาทโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก
วันนี้ (2 พ.ค.) จากกรณีที่จังหวัดภูเก็ต อนุญาตให้คนต่างจังหวัดเดินทางออกนอกพื้นที่ เมื่อวันที่ 1 พ.ค.63 ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากได้ทยอยเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ต เพื่อกลับภูมิลำเนาของตนเองนั้น ซึ่งจังหวัดชัยนาท เป็นหนึ่งในจังหวัดที่จะมีบุคคลเดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ต กลับเข้ามาอาศัยอยู่ในจังหวัดชัยนาท เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท จึงออกคำสั่งจังหวัดชัยนาท ให้บุคคลที่เดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ต รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เพื่อดำเนินการตามกระบวนการควบคุมโรคติดต่อ ห้ามมิให้กลับเข้าพักอาศัยในจังหวัดชัยนาทก่อนได้อนุญาต หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก
โดยคำสั่งดังกล่าว ระบุว่า โดยที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยังคงปรากฏอยู่ แม้ว่าจะสามารถควบคุมไว้ได้ระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากโรคดังกล่าวยังคงระบาดรุนแรงอยู่ในหลายประเทศและยังมีการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตลอดจนการเดินทางไปมาหาสู่ข้ามจังหวัดและการไม่นำพาต่อมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนด นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงได้ขยายระยะการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่งจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 35(3) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ประกอบกับข้อ 1 และข้อ 7(1) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชัยนาท ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชัยนาท ครั้งที่ 11/2563 ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2563 จึงมีคำสั่ง ดังนี้
ข้อ 1.ให้บุคคลที่เดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ต เพื่อเข้ามาพักอาศัยในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ ที่ว่าการอำเภอ ในพื้นที่ที่ตนพักอาศัยโดยทันที เพื่อดำเนินการตามกระบวนการควบคุมโรคติดต่อ ตามมาตรการที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชัยนาทกำหนด
ข้อ 2.ห้ามมิให้บุคคลผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ต กลับเข้าที่พักอาศัยก่อนได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ มีโทษตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2563