ลำปาง - หนุ่มมีประวัติเคยโพสต์ภาพยิงเป้ารูปหญิงสาว กลับบ้านท้องที่แม่พริก-กักตัวกันโควิดเสร็จ พกปืนขึ้นที่ว่าการอำเภอ จนท.ขอตรวจไม่ยอม แถมวิ่งหนีชักปืนขู่ซ้ำ ต้องตาม ตร.ส่องปืนเฝ้าระวังระหว่างให้ยายกล่อมจนยอมมอบตัว
บ่ายวันนี้ (20 เม.ย.) ได้เกิดเหตุระทึกขึ้นเมื่อหนุ่มวัย 28 ปี พกปืนเข้าไปในที่ว่าการอำเภอแม่พริก จ.ลำปาง จนเกิดความวุ่นวาย ต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามเข้ามาควบคุมสถานการณ์ เคลียร์พื้นที่
นายนพรัตน์ รักษ์ไพรสาณฑ์ นายอำเภอแม่พริก จ.ลำปาง ที่เพิ่งเดินทางเข้ารายงานตัวรับตำแหน่งที่ศาลากลางจังหวัดลำปาง เปิดเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า ก่อนหน้านี้ได้มีประชาชนในพื้นที่ร้องเรียนว่าชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมชอบยิงปืนในที่สาธารณะ และโพสต์รูปยิงใส่เป้าที่เป็นภาพผู้หญิงซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นใคร ได้เดินทางกลับมาบ้านในพื้นที่ อ.แม่พริก และกักตัวตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ครบ 14 วันแล้ว ตนจึงให้เจ้าหน้าที่เรียกมาเพื่อให้มาว่ากล่าวตักเตือนและลงบันทึกว่าจะไม่ทำพฤติกรรมแบบนั้นอีกเพราะจะเกิดอันตรายต่อประชาชนได้ และได้ย้ำว่าไม่ต้องนำอาวุธมาด้วย
กระทั่งวันนี้ขณะที่ตนเดินทางไปรายงานตัวรับตำแหน่งนายอำเภอแม่พริกที่ศาลากลางจังหวัด ชายคนดังกล่าวได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่บนที่ว่าการอำเภอ ซึ่งตามระเบียบทางเจ้าหน้าที่จะต้องมีการตรวจค้นว่าได้พกอาวุธมาด้วยหรือไม่ และจะขอไปตรวจที่รถด้วย แต่ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวได้รีบวิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำแล้วหยิบปืนที่เอาไปซ่อนไว้ ก่อนจะวิ่งไปที่รถและนำปืนที่ซ่อนไว้ออกมาขู่เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุม
เจ้าหน้าที่เห็นสถานการณ์อาจลุกลามบานปลาย จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามเข้ามาเพื่อระงับเหตุการณ์พร้อมทั้งประสานญาติ ยายให้มาเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธ เพราะมิฉะนั้นหากมีการยิงปืน เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องยิงเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อประชาชน สุดท้ายชายคนดังกล่าวก็ยอมมอบตัวในที่สุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนและฝากขังที่ สภ.แม่พริก
นายอำเภอแม่พริกยังเปิดเผยอีกว่า เหตุที่เกิดขึ้นตนเองก็ไม่ทราบว่าเพราะอะไร เนื่องจากวันนี้ที่เชิญตัวมาก็เพื่อให้มาทำบันทึกข้อตกลง ไม่ให้มีพฤติกรรมยิงปืนในที่สาธารณะเท่านั้น แต่เจ้าตัวกลับพกปืนมาด้วย และนำไปซ่อนไว้ในห้องน้ำ-ในรถ ซึ่งปืนที่ตรวจสอบก็พบว่าเป็นปืนเถื่อนไม่ได้รับอนุญาต ส่วนปืนที่ได้รับอนุญาตให้ซื้อและใช้ไม่ได้พกมาด้วยซึ่งจะต้องสอบสวนกันอีกครั้ง