บุรีรัมย์- รพ.บุรีรัมย์เปิดแลบตรวจโควิด-19 รู้ผลภายใน 5 ชม. เพื่อเพิ่มศักยภาพการตรวจคัดกรองผู้ป่วยรวดเร็วมากขึ้น จากเดิมต้องส่งไปตรวจโคราช พร้อมมีห้องแยกและหอผู้ป่วยเฉพาะโรคด้วย ขณะแนวโน้มสถานการณ์ดีขึ้น 14 วัน ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ ยอดสะสม 13 ราย รักษาหาย 8 ราย
วันนี้ ( 18 เม.ย. ) โรงพยาบาลบุรีรัมย์ เปิดห้องปฏิบัติการตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (SARS CoV-2) ด้วยวิธี Realtime RT-PCR ผ่านการประเมินแผนทดสอบความชำนาญทางห้องปฏิบัติการการตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อตรวจคัดกรองหาผู้ป่วยรายใหม่ให้รวดเร็วมากขึ้น โดยการตรวจด้วยวิธี Realtime RT-PCR เป็นวิธีการตรวจเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งในจมูกและลำคอ ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับการตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อการรักษาที่รวดเร็ว ตั้งแต่ระยะแรกของการเกิดโรค สามารถทราบผลภายใน 5 ชั่วโมง และ สามารถตรวจจับเชื้อไวรัสในปริมาณน้อยๆได้ ซึ่งผู้ที่มีความเสี่ยงเข้าข่าย จะได้รับการตรวจหาเชื้อโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (ตามสิทธิการรักษา) แต่สำหรับผู้ไม่มีความเสี่ยงเข้าเงื่อนไขในการตรวจ แต่มีความประสงค์ต้องการตรวจหาเชื้อจะต้องจ่ายค่าบริการเองจำนวน 3,500 บาท
นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ยังมีห้องแยกโรคสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก และหอผู้ป่วยสำหรับผู้ติดเชื้อโควิดโดยเฉพาะอีกจำนวน 12 เตียงด้วย ทั้งนี้ยังมีการคัดกรองประชาชนที่จะเข้ามารับบริการภายในโรงพยาบาลอย่างเข้มงวดด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่มารับบริการ ในช่วงสถานการณ์การระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างมีประสิทธิภาพ
นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ กล่าวว่า ห้องปฏิบัติการตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (SARS CoV-2) ด้วยวิธี Real-time RT-PCR ดังกล่าวจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัดบุรีรัมย์ได้อย่างแม่นยำ ถูกต้อง และรวดเร็ว ทราบผลภายใน 5 ชั่วโมง จากที่ก่อนหน้านี้ต้องส่งสารคัดหลั่งของกลุ่มเสี่ยงไปตรวจที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งต้องใช้เวลา 1 วันเต็มจึงจะทราบผลเนื่องจากมีจังหวัดที่อยู่ในเขตบริการที่ต้องส่งไปตรวจหลายจังหวัด
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในพื้นที่จ.บุรีรัมย์ ขณะนี้ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นผ่านมา 14 วัน ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม ส่วนยอดผู้ป่วย 13 ราย นั้นเสียชีวิต 1 ราย แต่ล่าสุดได้รักษาหายกลับบ้านแล้ว 8 ราย เหลือที่ยังรักษาอยู่โรงพยาบาลเพียง 4 ราย แต่อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามยังขอความร่วมมือประชาชนได้ปฏิบัติตามแนวทางการควบคุมป้องกันของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะการสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงการกินร้อน ใช้ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อได้
