ตราด - จ.ตราด เพิ่มมาตรการเข้มคุมโควิด-19 อีกรอบ ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ งดจำหน่ายแอลกอฮอล์ถึง 30 เม.ย.นี้ ด้านชาวบ้านหนองคันทรง อ.เมืองตราด ไม่ยอมให้หน่วยงานรัฐใช้ “บ้านปูรีสอร์ท” ทำโรงพยาบาลสนามกักตัวกลุ่มเสี่ยง เหตุอยู่ใกล้ชุมชน หวังรักษามาตรฐาน 1 เดียวในตะวันออกไม่ถูกเจาะไข่แดง
ภายหลังจากที่ จ.ตราด ได้ดำเนินนโยบายปิดเมือง หรือ Lock Down พื้นที่เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หลังสามารถรักษาตำแหน่งไข่แดงเดียวในภาคตะวันออก ที่ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าว ด้วยการห้ามนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติไม่ให้เดินทางเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดใ วันนี้ (16 เม.ย.) ว่าที่ ร.ต.พิเชียน ลิมป์หวังอยู่ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ได้ออกประกาศจังหวัดเพิ่มเติมเพื่อกำหนดอีก 3 มาตรการสำคัญตามมติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตราด ประกอบด้วย 1.ขยายเวลางดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.2563 2.ปิดการเข้า จ. ตราด ถึงวันที่ 30 เม.ย.2563 และ 3.ร้านสะดวกซื้อให้ปิดตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น.
โดยการเพิ่มมาตรการดังกล่าวก็เพื่อให้สอดรับต่อคำสั่งของรัฐบาล ที่ต้องการลดจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่ในวันนี้ จ.ตราด ยังไม่พบผู้ติดเชื้อแม้แต่รายเดียว และยังมีความพยายามที่ผลักดันให้ จ.ตราด เป็นจังหวัดสีขาวต่อไป
ชาวบ้านหนองคันทรง ไม่ยอมให้ใช้ “บ้านปู รีสอร์ท” กักตัวกลุ่มเสี่ยง เหตุอยู่ใกล้ชุมชน
ขณะที่ในวันนี้ นายสุรชัย เจียมกูล ผู้ช่วยสาธารณสุขจังหวัดตราด พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมการประชุมประชาคมหมู่บ้านร่วมกับชาวบ้าน ต.หนองคันทรง เพื่อรับทราบความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่ จ.ตราด มีนโยบายเลือก “บ้านปูรีสอร์ท” ให้เป็นสถานที่กักตัวประชาชนที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง โดยมี นายสุมล เง็กลี้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองคันทรง และประชาชนในพื้นที่กว่า 100 คนเข้าร่วม ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองคันทรง อ.เมืองตราด
โดยผู้ช่วยสาธารณสุขจังหวัดตราด เผยว่า คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ตราด ได้มีมติให้ทางหน่วยงานหาสถานที่สำหรับกักตัวผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 สำหรับใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเบื้องต้นได้เลือกใช้พื้นที่บริเวณหาดราชการุณย์ สภากาชาดไทย เขาล้าน เป็นพื้นที่กักตัวแห่งแรก แต่สามารถรองรับกลุ่มเสี่ยงได้เพียง 60 เตียง
จึงจำเป็นต้องหาสถานที่เป็นเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นพื้นที่สำรอง และมีแนวคิดที่จะใช้ “บ้านปู รีสอร์ท” เป็นโรงพยาบาลสนาม และพื้นที่กักตัวเนื่องจากมีความเหมาะสมและมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ดูแลวัดไข้กลุ่มเสี่ยงได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนั้น ยังจะมีเจ้าหน้าที่ทหาร อส. และตำรวจ เฝ้าดูแลตลอดทั้งวัน เพื่อป้องกันการหลบหนี ส่วนการเคลื่อนย้ายกลุ่มเสี่ยงจะใช้รถของทางราชการ และใช้บุคลากรของทางราชการเป็นผู้เคลื่อนย้ายทั้งหมด พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทำประชาชมคมในครั้งนี้ มีทั้งชาวบ้านที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งกลุ่มที่เห็นด้วยบอกว่าไว้ใจการจัดการระบบการดูแลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เนื่องจากหากปล่อยให้กลุ่มเสี่ยงกลับไปกักตัวเองที่บ้านก็อาจจะทำให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อดังกล่าวได้
แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยซึ่งเป็นเสี่ยงส่วนใหญ่ ให้เหตุผลว่า ภาครัฐควรใช้สถานที่ของราชการ เนื่องจาก “บ้านปู รีสอร์ท” เป็นที่สถานที่ที่ไม่ห่างจากชุมชน จึงเกรงว่าอาจจะมีการระบาดของเชื้อดังกล่าวสู่ประชาชนในพื้นที่ได้