นครปฐม - เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ ควัก 1 ล้านบาท มอบให้แพทย์ศิริราช ต่อลมหายใจคนไทยสู้วิกฤตโควิด-19 ย้ำถึงเวลาคนไทยจะต้องช่วยกันแล้ว เผยหากถึงวันที่คุมไม่ได้เงินก็ไม่มีความหมาย ขอให้คนไทยผ่านวิกฤตด้วยความปลอดภัยทุกคน
ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวนายเงี๊ยบ สาขาพุทธมณฑล สาย 4 เลขที่ 125/21 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายสมชาติ สาลีพัฒนา หรือเฮียเงี๊ยบ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ พร้อมด้วยบุตรและพนักงาน ได้นำเงินเก็บจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อมอบให้แก่ศิริราชมูลนิธิ (ศิริราชสู้ภัยโควิด) โดยมี รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เดินทางมาเป็นตัวแทนในการรับมอบเพื่อนำไปใช้สำหรับการดำเนินการภายในโรงพยาบาลศิริราช
โดยในพิธีการได้มีพนักงานของร้านต่างได้แสดงการให้กำลังใจแก่คณะแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ได้พร้อมใจกันตั้งแถว โดยมีการเว้นระยะห่างตามแนวคิด Social Distancing เพื่อเว้นระยะห่างกันในระยะ 1 เมตร ก่อนจะพร้อมใจกันปรบมือให้กำลังใจคณะแพทย์และพยาบาล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังต่อสู้กับวิกฤตการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ พร้อมกับขึ้นป้ายให้กำลังใจให้เจ้าหน้าที่สามารถฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี
รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การที่จะรับผู้ป่วยหนักที่ดี ต้องมีการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีราคาแพง ซึ่งตอนนี้มีประชาชนได้มีกุศลในการบริจาคเงินให้แก่โรงเรียนแพทย์ต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในการเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์
เพื่อรองรับสถานการณ์ รวมถึงสิ่งป้องกันด้วย ทั้งหน้ากาก ชุดหมี โดยเฉพาะหน้ากาก N95 หรือหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งประชาชนก็จะสามารถบริจาคได้ทั้งเงินหรือเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น พบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัยที่ไม่ได้ใช้ก็สามารถนำมาบริจาคได้เพราะเรายังต้องการอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์พร้อมจะต่อสู้ในวิกฤตการณ์นี้ โดยขอให้เราปลอดภัยไปด้วยกัน
นายสมชาติ สาลีพัฒนา หรือเฮียเงี๊ยบ บอกว่า ปกติจะมีการทำบุญด้วยการสนับสนุนด้านการแพทย์อยู่แล้ว เช่น การซื้อเตียงให้แก่ผู้ป่วย หรืออุปกรณ์ต่างๆที่มีความสำคัญทางการแพทย์มาตลอด แต่เมื่อเกิดเวลาวิกฤตของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็คิดว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องออกมาช่วยกัน โดยได้นำเงินที่ลูกค้าได้มาอุดหนุนร้านของเรา มาเป็นทุนช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งที่ต้องออกมาทำแบบนี้เพราะเชื่อว่าถ้าเราไม่ช่วยกัน ถ้าสถานการณ์บานปลายเกินจะควบคุมถึงจะมีเงินมากเงินแค่ไหนก็ใช้ไม่ได้ และถึงเวลาแล้วที่คนที่พร้อมทางด้านกำลังทรัพย์จะออกมาช่วยกันอย่างจริงจังกับสถานการณ์แบบนี้ โดยที่ร้านแม้ยอดขายจะลดลง และขายเพียงแบบห่อกลับบ้าน แต่ก็มีการทำความสะอาดฉีดยาฆ่าเชื้ออยู่ตลอดเวลา ทำให้มั่นใจได้กับความปลอดภัยของร้านที่ทำตามมาตรการของหน่วยงานต่างๆ อย่างเต็มที่