ศูนย์ข่าวศรีราชา - ฟันไม่เลี้ยง! อาคารยักษ์ริมทะเล “บ้านสุขาวดี” หลังผลอุทธรณ์คำสั่งเมืองพัทยาไม่ผ่านการพิจารณา จนท.เร่งปิดหมาย ค.7 ให้รื้อถอนใน 15 วัน รองปลัดเมืองพัทยา ไม่หวั่นหากเจอยื้อร้องศาลปกครอง เชื่อมั่นหลักฐานแน่น
วันนี้ (25 มี.ค.) นายสุธรรม เพ็ชรเกตุ รองปลัดเมืองพัทยา รักษาราชการแทนปลัดเมืองพัทยา มอบหมายให้ นายเกียรติศักดิ์ ศรีวงษ์ชัย รองปลัดเมืองพัทยา นำเจ้าหน้าที่จากสำนักการช่างเมืองพัทยา และกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจ ลงพื้นที่บริเวณอาคารริมทะเล “บ้านสุขาวดี” ม.2 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อติดประกาศหมายผลการอุทธรณ์และประกาศคำสั่งเมืองพัทยา กรณีการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะของ “บ้านสุขาวดี”
ที่ได้มีการจัดทำประโยชน์และการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ จำนวน 1 อาคาร ขนาดเล็ก 2 อาคาร บริเวณที่ดินสาธารณะริมทะเลขนาดใหญ่ในเนื้อที่ 11 ไร่ริมทะเลโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นปัญหาเรื้อรังมาเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้นายช่างตรวจเขต ทำการปิดประกาศแจ้งผลการอุทธรณ์คำสั่งเมืองพัทยากรณีที่ทาง “บ้านสุขาวดี” ในนาม บริษัท เฮลท์ฟู้ดส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการอุทธรณ์จังหวัดชลบุรี ว่าคำสั่งเมืองพัทยาไม่ชอบด้วยกฎหมาย สร้างความไม่เป็นธรรมและภาระแก่บริษัทฯ ด้วยที่ดินที่มีการระบุว่าเป็นที่สาธารณะนั้นเป็นที่ดินที่งอกจากโฉนดของทางบริษัทฯ ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ มีผลให้ทางบริษัทฯ มีกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินนั้น และปัจจุบันยังคงเป็นข้อพิพาทระหว่างการขอออกโฉนดที่ดิน ณ สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาอำเภอบางละมุง ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ
ขณะที่อาคารทั้งหมดสามารถดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ แต่หนังสืออุทธรณ์ดังกล่าวพบว่า เจ้าของอาคารมีผู้ลงนามในหนังสือคำอุทธรณ์ในการยื่นร้องต่อคณะกรรมการ จำนวน 2 รายนั้น หนังสือไม่ปรากฏการประทับตราสำคัญของบริษัทฯ แต่อย่างใด จึงถือว่าเป็นการอุทธรณ์ที่ไม่มีผลผูกพันกับบริษัทฯ จึงไม่เป็นผู้อุทธรณ์ที่ถูกต้อง
และผู้ร้องทั้ง 2 มิใช้ผู้รับคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่น จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร วินิจฉัยไม่รับอุทธรณ์ไว้พิจารณา
นายกเมืองพัทยา เซ็นคำสั่งให้รื้อในเวลา 15 วัน ดื้อแพ่งเจอขายทอดตลาด
พร้อมกันนี้ ได้ปิดหมายประกาศคำสั่งแบบ ค.7 ที่ลงนามโดย นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เพื่อให้ทำการรื้อถอนอาคารภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ ซึ่งหากพ้นกำหนดแล้วไม่มีการดำเนินการใดๆ เมืองพัทยา เข้าทำการรื้อถอนเอง และบ้านสุขาวดี จะต้องเป็นผู้ชดใช้ค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนรวมเป็นเงิน 822,780 บาท พร้อมเงินรายวันในอัตราร้อยละ 20 ต่อปีของค่าใช้จ่าย และค่าปรับบังคับการไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งหากไม่มีการชำระเงินก็จะได้นำทรัพย์สินขายทอดตลาดต่อไป
นายเกียรติศักดิ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลการพิจารณาการอุทธรณ์คำสั่งเมืองพัทยา มีผลอย่างเป็นทางการแล้วว่าไม่ผ่านการพิจารณา เมืองพัทยาจึงได้นำเอกสารมาปิดประกาศเพื่อแจ้งให้ทางผู้ร้องได้รับทราบ ทั้งในส่วนของอาคาร A, B และ C โดยในส่วนของอาคาร A เป็นอาคารขนาดใหญ่ลักษณะเป็นอาคารโครงเหล็ก 2 ชั้น ขนาด 18.30x55.30 เมตร จำนวน 1 หลัง และป้ายโครงสร้างเหล็กขนาด 10x13 เมตร จำนวน 2 ป้าย จึงได้ทำการปิดหมายคำสั่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร แบบ ค.7 เพื่อให้รื้อถอนอาคารภายใน 15 วัน
และหากไม่มีการร้องอุทธรณ์ต่อศาลปกครองและไม่มีคำสั่งในการคุ้มครองชั่วคราว เมืองพัทยา ก็จะเข้าดำเนินการรื้อถอนทันที โดยส่วนแรกจะมีการล้อมรั้วพื้นที่ดินสาธารณะทั้ง 11 ไร่ ก่อนที่จะนำบุคลากร และเครื่องกลหนักมาทำการรื้อถอนอาคารตามขั้นตอน
ส่วนกรณีของอาคาร B และ C ซึ่งเป็นอาคาร ค.ส.ล. ขนาด 35x40 เมตร จำนวน 1 หลัง และอาคาร ค.ส.ล. ขนาด 5x15 เมตร จำนวน 1 หลังบริเวณริมทะเล ที่ได้มีการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายในการเว้นระยะจากระดับน้ำทะเลขึ้นสูงในระยะ 20 เมตร
ปัจจุบันได้เสนอเรื่องต่อนายกเมืองพัทยาเพื่อลงนามคำสั่งการรื้อถอนตามแบบ ค.15 เนื่องจากเป็นอาคารที่ปลูกสร้างบนที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ ซึ่งแตกต่างจากอาคาร A ที่ดำเนินการบนที่ดินสาธารณประโยชน์
นายเกียรติศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า การดำเนินการทั้งหมดเป็นการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่และถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนกรณีที่ว่าหากหลังจากวันปิดประกาศแล้วทาง “บ้านสุขาวดี” จะไปร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรม หรือขอให้การมีคุ้มครองชั่วคราวนั้น ตนเองไม่ได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใด เนื่องจาก เมืองพัทยา มีหลักฐานของการตรวจสอบที่ดินแปลงนี้อย่างครบถ้วน ทั้งภาพถ่ายทางอากาศ การรังวัด และระวางที่ดิน
“ส่วนที่มีข้อพิพาทการร้องขอออกโฉนดต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาอำเภอบางละมุง นั้นก็จะนำหลักฐานโดยเฉพาะประเด็นเรื่องของที่ดินสาธารณะ และการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมจัดทำหนังสือคัดค้านเสนอนายกเมืองพัทยา เพื่อลงนามก่อนส่งต่อให้สำนักงานที่ดินประกอบในการพิจารณาด้วย และยืนยันว่าเมืองพัทยา จะดำเนินการด้วยความเป็นธรรมและให้เกิดความถูกต้องที่สุด” นายเกียรติศักดิ์ กล่าว