ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - พิษโควิด-19! เชียงใหม่ ซู อควาเรียม สุดอั้นแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเดือนละ 3 ล้าน แถมขาดทุนสะสมกว่า 200 ล้าน เจอวิกฤตไวรัสซ้ำสั่งปิดสวนสัตว์เชียงใหม่ จนจ่อถึงทางตันขีดเส้นตายถึงสิ้น มี.ค. 63 ต้องเลือกระหว่างยอมยกธงเลิกดำ
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน โดยเฉพาะกับภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ ซึ่งล่าสุดนายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ กรรมการผู้จัดการ เชียงใหม่ ซู อควาเรียม สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำในสวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินการของ เชียงใหม่ ซู อควาเรียม จากการที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งล่าสุดที่ทางองค์การสวนสัตว์ได้ประกาศปิดสวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมกับสวนสัตว์ทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-31 มี.ค. 63 ซึ่งยิ่งส่งผลกระทบซ้ำเติมเข้าไปอีก เพราะเท่ากับว่าจะไม่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการและไม่มีรายได้เข้ามาเลย โดยในฐานะที่เป็นผู้บริหารแล้วรู้สึกหดหู่และสะเทือนใจอย่างมากที่สุดที่ต้องเห็นภาพที่ไม่มีนักท่องเที่ยวแม้แต่คนเดียวเข้าใช้บริการเที่ยวชม เพราะตลอด 11 ปีที่ผ่านมาแม้จะประสบปัญหาต่างๆ นานามากมาย ทั้งจากปัญหาการเมืองและอื่นๆ จนต้องขาดทุนสะสมกว่า 200 ล้านบาท แต่ไม่เคยย่อท้อและพยายามดิ้นรนต่อสู้มาตลอดจนกระทั่งเกิดสถานการณ์วิกฤตในครั้งนี้
โดยกรรมการผู้จัดการ เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ยอมรับว่า จากสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นนี้ เข้าใจดีว่าเป็นเหตุสุดวิสัยและพร้อมให้ความร่วมมือเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพียงแต่เมื่อพิจารณาทบทวนแล้วทางเชียงใหม่ ซู อควาเรียม ได้รับผลกระทบอย่างมาก จนเหลือทางเลือกเพียง 2 ทางเท่านั้น อย่างแรกคือต้องการขอความช่วยเหลือเยียวยาจากทางภาครัฐโดยเฉพาะจากองค์การสวนสัตว์ที่เป็นผู้ลงทุนร่วมกัน ให้เข้ามาช่วยเหลือดูแลกันให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้ และอีกทางหนึ่งก็คือการปิดกิจการ โดยเวลานี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าจะเลือกดำเนินการเช่นไรดี ซึ่งมีเส้นตายถึงสิ้นเดือนนี้ ทั้งนี้การปิดกิจการนั้นถือเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะเชียงใหม่ ซู อควาเรียมนั้น ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นเอกลักษณ์และเป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งประเทศไทย เพราะเป็นอควาเรียมที่มีอุโมงค์ใต้น้ำยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตั้งอยู่สูงที่สุดจากระดับน้ำทะเลจนได้ชื่อเรียกว่าเป็นทะเลบนยอดดอย
อย่างไรก็ตาม หากถึงที่สุดแล้วและมีความจำเป็นก็คงต้องตัดสินใจเลือกที่จะปิดกิจการ เพราะคงไม่สามารถแบกรับภาระการขาดทุนสะสมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าจ้างพนักงาน,ค่าอาหารปลา,ค่าไฟฟ้า,ค่าน้ำประปา,ค่าบำรุงรักษาและดูแลระบบ รวมแล้วเดือนละประมาณ 3 ล้านบาท ต่อไปได้ แม้โดยส่วนตัวแล้วจะมีความเป็นห่วงและกังวลใจที่สุดในเรื่องของการดูแลปลาและสัตว์น้ำในเชียงใหม่ ซู อควาเรียม ที่เลี้ยงไว้ 30,000-40,000 ตัว ว่าหากต้องปิดกิจการไปแล้วจะได้รับการดูแลอย่างดีและมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ เพราะเพียงแค่การเปิดเดินระบบเฉยๆ และให้อาหารเพื่อให้ปลาและสัตว์น้ำยังอยู่ได้ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทแล้ว ดังนั้นหากเป็นไปได้อยากให้ทางองค์การสวนสัตว์ที่เป็นผู้ลงทุนร่วมกัน หันหน้าเข้ามาพูดคุยหาทางออกและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเยียวยากันน่าจะดีกว่า ซึ่งเตรียมทำหนังสือถึงองค์การสวนสัตว์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว.