เพชรบูรณ์ - ชาวเมืองเพชรบูรณ์ผวากันทั่ว..หลังพบ 1 ใน 32 ผู้ป่วยโควิด-19 ล็อตล่าสุดเป็นชาวเบลเยียม เคยพักในพื้นที่ท่าพล หลังเที่ยวพัทยาระหว่าง 3-10 มีนาฯ ขณะที่ รพ.คัดกรองคนเข้าออกเข้มงวดสูงสุด-จัดยาส่ง ปณ.ให้ผู้ป่วยเรื้อรังถึงบ้านแทน
วันนี้ (16 มี.ค.) โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ได้คัดกรองผู้จะเข้าไปภายในอาคารและตึกผู้ป่วยกันอย่างเข้มข้น ใช้เทอร์โมสแกนตรวจวัดอาการไข้ของทุกคน พร้อมติดสติกเกอร์ผู้ที่ผ่านการคัดกรอง เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขแถลงถึงผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) เพิ่ม 32 ราย โดยในจำนวนนี้มีชาวต่างชาติซึ่งมีบ้านพักอยู่ที่ ต.ท่าพล อ.เมืองเพชรบูรณ์ เป็นผู้ป่วยติดเชื้อด้วย
ต่อมาโลกโซเชียลมีเดียได้โพสต์เผยแพร่ข้อมูลผู้ป่วยติดเชื้อรายนี้ว่าเป็นชายสัญชาติเบลเยียม อายุ 67 ปี พักอยู่ที่ ต.ท่าพล อ.เมืองเพชรบูรณ์ โดยชายต่างชาติรายนี้เดินทางมาจากประเทศเบลเยียม และลงเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา จากนั้นเหมารถตู้เดินทางไปที่พัทยา โดยพักที่พัทยาจนถึงวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งระหว่างนี้มีอาการเพลียจึงให้คนใกล้ชิดไปรับกลับที่เพชรบูรณ์วันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา
นพ.ชัยวัฒน์ ทองไหม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวชี้แจงว่า กรณีชาวเบลเยียมติดโควิด-19 รักษาตัวที่ รพ.เพชรบูรณ์ ทางโรงพยาบาลฯ ได้ดำเนินมาตรการเข้มงวดทางเข้าออกโรงพยาบาล ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัว ก็จะปรับเปลี่ยนช่องทางการรับยาโดยไม่จำเป็นต้องมารับยาที่โรงพยาบาล แต่จะจัดส่งไปให้ถึงบ้านทางไปรษณีย์แทนตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ส่วนคนที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อได้ป้องกันตัวเอง และผลตรวจก็ยังไม่พบเชื้อ แต่อยู่ในเกณฑ์ต้องเฝ้าระวัง 14 วัน ซึ่งคนใกล้ชิดผู้ป่วย รับปากแล้วว่าจะไม่ออกไปไหนเพื่อรับผิดชอบต่อสังคม
นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ยืนยันว่าชาวเบลเยียมกลับมาจากทะเล แล้วพบมีอาการไข้สูงจึงเข้าตรวจที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ กระทั่งผลตรวจพบติดเชื้อเมื่อวันที่ 12 มีนาคม จึงมีการจัดส่งทีมสาธารณสุขทำความสะอาดบ้านพักอาศัย พร้อมทำการคัดกรองตรวจเช็กคนใกล้ชิดและผู้ต้องสงสัยที่เสี่ยงการติดเชื้อทั้งหมด ปรากฏว่าผลการตรวจไม่พบการติดเชื้อแต่อย่างใด แต่บุคคลเหล่านี้ยังต้องกักตัวเองในบ้าน 14 วัน ส่วนคนขับรถตู้ขณะที่มีการติดตามตัวพบแล้วเช่นกัน
“ขอย้ำว่าชาวเพชรบูรณ์อย่าได้ตื่นตระหนก ในขณะที่ทางโรงพยาบาลฯ ได้มีการแยกผู้ป่วยรักษาในห้องสกัดเชื้อแล้ว”