xs
xsm
sm
md
lg

ผบก.ภ.จว.ชลบุรี​ สั่งให้ รอง​ สวป.สภ.เมืองพัทยา​ ตั้งแก๊งอุ้ม-ไถเงินออกจากราชการแล้ว​

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าว​ศรี​ราชา​ -​ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี​ เซ็นคำสั่งให้รอง​ สวป.สภ.เมืองพัทยา​ ออกจากราชการไว้ก่อน หลังร่วมแก๊งอาสาตำรวจรวม 5 นาย ตั้งทีมอุ้ม-รีดเงินเอเยนต์ค้ายาบ้าเป็นเงิน 3 แสนบาท​ พร้อมยึดสร้อยและพระเครื่องราคา​ 3​ ล้าน​ สุดท้ายเรื่องแดงหลังญาติรวมตัวร้องทุกข์ ผบช.ภ.2​ ลั่นเอาผิดถึงที่สุด




วันนี้ (8 มี.ค.) พ.ต.อ.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี​ ได้นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ชลบุรี นำหมายจับศาลจังหวัดพัทยา​ เข้าควบคุมตัว ร.ต.อ.วุฒิกรณ์ ปลอดโปร่ง รอง สวป.สภ.เมืองพัทยา พร้อมอาสาตำรวจบ้านรวม​ 5​ คน ดำเนินคดีในฐานความผิดซ่องโจร กรรโชกทรัพย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว​ หลังตั้งแก๊ง​ อุ้มตัวผู้ต้องหารีดไถเงินเพื่อแลกกับอิสรภาพ​

การจับกุมดังกล่าวเป็นผลจากที่ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 6 มี.ค.ต่อเนื่องวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา​ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พัทยา จ.ชลบุรี ได้บุกเข้าจับกุมผู้ต้องหาในคดีค้ายาบ้า จำนวน​ 200​ เม็ด​ ไปกักขังที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่งในเมืองพัทยา​ ก่อนกรรโชกทรัพย์และเรียกรับเงินจำนวน​ 3 แสนบาท พร้อมปลดสร้อยพร้อมพระเลี่ยมทองไป

แต่เรื่องที่มาแดงหลังจากที่ญาติของเอเยนต์ค้ายาบ้ารายดังกล่าว​ ได้โอนเงินให้แก๊งตำรวจเป็นที่เรียบร้อย​ แต่ญาติของ 1 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ถูกปลดสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง​ พยายามที่จะเจรจาขอสร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทองคืน แต่แก๊งตำรวจกลับคืนให้เพียงสร้อยคอทองคำโดยไม่คืนพระเลี่ยมทองให้ เนื่องจากทราบว่าพระองค์ดังกล่าวมีราคาสูงถึง 3 ล้านบาท

ญาติของเอเยนต์ค้ายาบ้าจึงพากันเข้าร้องเรียนต่อ​ ผบช.ภ.2 กระทั่งมีการสั่งการให้ พ.ต.อ.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ทำการสืบสวนและขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยา ออกหมายจับ และนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรี เข้าคุมตัวได้ยกแก๊งที่หน้าโรงพักพัทยา​ และได้นำตัวไปฝากขัง ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว จึงถูกคุมตัวเข้าเรือนจำเมืองพัทยา​ ก่อนมีการพิจารณาคดีต่อไป

และล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.ต.ประการ​ ประจง​ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี​ ​ ได้มีคำสั่งให้มีการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง​ รอง​ สวป.สภ.เมืองพัทยา​ และแก๊งอุ้มรีดแล้ว​ และยังมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนพร้อมจะเอาผิดอย่างถึงที่สุด








กำลังโหลดความคิดเห็น