อุทัยธานี - พาณิชย์จังหวัดฯ ออกตรวจร้านร่วมโครงการจำหน่ายหน้ากากอนามัยทุกวัน หลังทุกพื้นที่ขาดแคลนหนัก เหลือร้านจำหน่ายเพียงอำเภอละ 1 แห่งเท่านั้น หมื่นกว่าชิ้นหมดเกลี้ยงภายในวันเดียว
วันนี้ (3 มี.ค.) นายวีระพงษ์ สืบค้า พาณิชย์จังหวัดอุทัยธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้ตระเวนลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการร้านธงฟ้าพัฒนาท้องถิ่น เขต อ.เมืองอุทัยธานี ตั้งแต่เช้า เพื่อตรวจสอบให้แต่ละร้านทำการจำหน่ายมาสก์ หรือหน้ากากอนามัย ที่กำลังขาดแคลนอย่างหนัก
ทั้งนี้ พบว่าหน้ากากอนามัยที่แต่ละร้านได้รับการจัดสรรมา 10,000 ชิ้น จะขายหมดในเวลาเพียง 1-2 วัน เท่านั้น เพราะในจังหวัดอุทัยธานีมีร้านที่มีหน้ากากอนามัยจำหน่ายแค่ร้านที่เข้าร่วมโครงการเพียงอำเภอละ 1 แห่งเท่านั้น
นายวีระพงษ์กล่าวว่า จากการสำรวจต่อเนื่องทุกวันมาตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม พบว่าจริงๆ แล้วความจำเป็นต้องใช้จริงๆ ในอุทัยธานีมีไม่มากนัก แต่สาเหตุที่หน้ากากอนามัยในจังหวัดขาดแคลนเกิดจากพี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งที่มีลูกหลานอยู่ต่างจังหวัดหรือเมืองที่มีความต้องการมากๆ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต มาซื้อส่งไปให้ญาติพี่น้องกันจำนวนมาก
ส่วนการบริหารการจำหน่ายหน้ากากอนามัยนั้น กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในออกประกาศให้เป็นสินค้าควบคุม และจัดระบบบริหารจัดการปันส่วน โดยให้โรงงานที่ผลิตสินค้าประเภทนี้จำหน่ายให้ศูนย์บริหารจัดการ 50% ของสินค้าที่ผลิตได้ นำส่งให้โรงพยาบาลของรัฐเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีใช้อย่างเพียงพอ พร้อมกับจำหน่ายให้การบินไทย ส่วนที่เหลือก็จะนำเข้ามาบริหารจัดการจำหน่ายผ่านร้านธงฟ้าพัฒนาท้องถิ่น
ทั้งนี้ อุทัยธานีมีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการธงฟ้าทั้งหมด 500 กว่าร้าน แต่จะนำมาสก์มาให้จำหน่ายเฉพาะในส่วนที่เป็นชุมชนในเมืองเป็นหลัก และหมุนเวียนไปยังร้านที่เข้าร่วมโครงการ จุดละ 1 แห่ง ทั้ง 8 อำเภอของจังหวัด ซึ่งในครั้งนี้ได้มีการจัดส่งหน้ากากอนามัยเข้ามาจำหน่ายที่จังหวัดอุทัยธานีครั้งละ 14,000 ชิ้นต่อสัปดาห์ โดยจัดส่งให้ในราคาชิ้นละ 2 บาท แล้วกำหนดให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจำหน่ายชิ้นละ 2.50 บาท และไม่เกิน 10 ชิ้นต่อราย บางร้านค้าจะจัดทำแบ่งจำหน่ายเป็นถุง ถุงละ 4 ชิ้น ในราคา 10 บาท เพื่อเป็นการกระจายให้ประชาชนได้ใช้อย่างทั่วถึงมากขึ้น
ด้วยขณะนี้หน้ากากอนามัยถือเป็นสินค้าควบคุม หากร้านค้าใดที่มีการจำหน่ายในราคาที่สูงเกินสมควร และทำให้สินค้าราคาปั่นป่วนถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค จะมีโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งพบว่ามีในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดได้ดำเนินการในเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ในอุทัยธานียังไม่พบร้านค้าใดที่กระทำความผิดดังกล่าว