เลย - เผยไฟโหมลุกไหมภูกระดึง ทำพื้นที่ป่าสมบูรณ์เสียหายมากกว่า 3,400 ไร่ หนักสุดในรอบ 17 ปี ใช้เวลาร่วม 18 ชั่วโมงถึงคุมเพลิงได้ ส่วนต้นเพลิงเกิดจากการเผาป่าพื้นที่ด้านล่างภูจนลุกลามขึ้นบนยอดภูกระดึง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วง 08.30 น.ของวานนี้ (16 ก.พ.) ได้เกิดไฟป่าบนยอดภูกระดึง เริ่มจากขอบแนวรั้วอุทยานฯ ไต่ขึ้นตามหน้าผา และโหมไหม้ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง และเจ้าหน้าที่ไฟป่าภูกระดึง รวมถึงลูกหาบ นักท่องเที่ยว ทุกหน่วยงานที่อยู่บนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จุดบริการวังกวาง ร่วม 130 นาย ได้ร่วมกันสกัดไม่ให้ลุกไหม้ลามเข้าพื้นที่ชั้นใน มาถึงที่ทำการบริการนักท่องเที่ยววังกวางได้แล้วร่วม 18 ชั่วโมง
นายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง กล่าวว่า ตลอดทั้งวันทั้งคืนทุกหน่วยงานบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้ใช้สรรพกำลังที่มีบนอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ร่วมกับหน่วยไฟป่าภูกระดึง ลูกหาบ ร้านค้า นักท่องเที่ยว ได้ทำการควบคุมไฟป่า โดยทำการทำแนวกันไฟและเผาสกัดไฟป่าไม่ให้ไหม้ลุกลามจากแนวผา บริเวณผาเมษาหลังแป เป็นแนวยาวกว่า 2 กิโลเมตร ล่าสุดสามารถควบคุมเพลิงได้ในช่วงเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันนี้ (17 ก.พ.)
จากการสำรวจเบื้องต้นพบพื้นที่เสียหายเป็นวงกว้าง แบ่งตามชนิดของป่า คือ ป่าสน-ป่าก่อ-ทุ่งหญ้า และจุดที่ 2 ที่ไฟไหม้ คือ บริเวณผาหมากดูก ได้ข้ามแนวควบคุมและขยายตัวไปทางสระแก้ว โดยใช้วิธีทำแนวกันไฟและชิงเผากลับจากเส้นทางองค์พระพุทธเมตตา-สระแก้ว-สะพานหิน-สระอโนดาด คาดว่ามีพื้นที่เสียหายรวมทั้งหมดประมาณ 3,400 ไร่ เป็นไฟไหม้ป่าบนภูกระดึงที่หนักสุดใน 17 ปี
สำหรับสาเหตุเบื้องต้นของการเกิดไฟป่าครั้งนี้ นายสมบัติคาดว่าจะน่าจะมาจากการเผาป่าในพื้นที่ด้านล่างของภูกระดึง และเกิดสะเก็ดไฟลุกลามขึ้นบนยอดภูกระดึง อย่างไรก็ตามจะได้วิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป