บุรีรัมย์ - เกษตรกรชาว อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ สู้วิกฤตแล้งเจาะบ่อบาดาลดึงน้ำใต้ดินปลูกแคนตาลูประบบน้ำหยด ใช้ระยะเวลาเพียง 2 เดือนเก็บผลผลิตขายได้ สร้างรายได้ไร่ละ 5-6 หมื่น หักต้นทุนค่าจ้างคนงานแล้วเหลือกำไรไร่ละ 2-3 หมื่น
วันนี้ (16 ก.พ.) เกษตรกรบ้านหนองสรวง และบ้านคูขาด ต.แสลงพัน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ กว่า 20 ครัวเรือน ได้ลงทุนเจาะบ่อบาดาลเพื่อดึงน้ำใต้ดิน พร้อมต่อท่อและสายยางเข้ารดหล่อเลี้ยงแปลงแคนตาลูปที่เพาะปลูกไว้ หลังจากน้ำบนดินในสระหรือห้วยหนองคลองบึงต่างๆ มีสภาพตื้นเขินแห้งขอดไม่สามารถสูบมารดหล่อเลี้ยงสวนแคนตาลูปได้
ขณะเกษตรกรบางรายปรับลดพื้นที่ปลูกลงเพื่อให้มีน้ำเพียงพอเพื่อเป็นการปรับตัวสู้กับวิกฤตภัยแล้ง ซึ่งเกษตรกรบอกว่าที่ปลูกแคนตาลูปเพราะเป็นพืชใช้น้ำน้อยและมีระยะเวลาในการปลูกเพียง 45-60 วันเท่านั้นสามารถเก็บผลผลิตขายได้ ทำให้มีรายได้จากการปลูกแคนตาลูปขายเฉลี่ยไร่ละ 5-6 หมื่นบาท หักต้นทุนและค่าจ้างคนงานแล้วก็จะเหลือกำไรไร่ละ 2-3 หมื่นบาท ซึ่งถือเป็นพืชชนิดหนึ่งที่สร้างรายได้เป็นอย่างดี
นางสุภี อุดมผุย อายุ 48 ปี เกษตรกรบ้านคูขาด บอกว่า ปีนี้ค่อนข้างแห้งแล้งกว่าทุกปี ทำให้น้ำในสระ หรือแหล่งน้ำลำคลองต่างๆ มีสภาพตื้นเขินแห้งขอด เกษตรกรจึงต้องปรับตัวโดยการขุดเจาะบ่อบาดาลต่อท่อและสายยางปลูกแคนตาลูประบบน้ำหยดและปรับลดพื้นที่ปลูกลงเพื่อให้มีน้ำเพียงพอในการปลูกและไม่กระทบต่อแปลงแคนตาลูป ซึ่งแคนตาลูปถือเป็นพืชอายุสั้นเพียงไม่ถึง 2 เดือนก็สามารถเก็บผลผลิตขายได้เฉลี่ยไร่ละ 5-6 หมื่นบาท หักต้นทุนแล้วก็จะเหลือกำไรไร่ละ 2-3 หมื่นบาท ซึ่งปีนี้ตนเองปลูก 6 ไร่ก็จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท ถือเป็นรายได้ที่สามารถเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี