ร้อยเอ็ด - หนุ่มวัย 16 ปีชาวร้อยเอ็ดโพสต์เฟซบุ๊กพร้อมปืนโชว์จะบุกบิ๊กซีเข้ามอบตัวต่อตำรวจ สารภาพทำด้วยความคึกคะนอง ตร.สั่งเอาผิด 3 ข้อหา เตรียมฝากขังสถานพินิจฯ เพราะเป็นเยาวชน เตือนผู้ปกครองสอดส่องลูกอย่าโพสต์มั่วจะมีความผิดด้วย
จากกรณีที่มีเฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อ สิน ซารางกิ๊ ได้โพสต์เฟซบุ๊กภาพมือถือคล้ายอาวุธปืนและข้อความว่า โคราช ก็เกิดแล้ว ต่อไปร้อยเอ็ดครับ เดี๋ยวหมาจนตรอกอย่างผมจะทำมันเอง บิ๊กชีร้อยเอ็ด จากนั้นในโลกโซเชียลได้มีการแชร์ภาพและข้อความของหนุ่มคนนี้ไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังกันออกตรวจพื้นที่บริเวณห้างบิ๊กซีร้อยเอ็ดแต่ก็ไม่พบตัวชายคนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองร้อยเอ็ด โดย พ.ต.อ.(ดร.) พัสกร ศาสนะสุพินธ์ ผกก.เมืองร้อยเอ็ดได้สั่งเจ้าหน้าที่ชุดสายสืบสุรสีห์ สภ.เมืองร้อยเอ็ด ประสานกับชุดสืบสวน ภ.จว.ตรวจสอบค้นหาตัวผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว ทราบว่าเป็นนักมวย มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.แวง อ.โพนทอง ร้อยเอ็ด และทราบว่าอยู่ที่ค่ายมวยแห่งหนึ่งที่ ต.บ้านดู่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด
จนทราบว่าชายดังกล่าวชื่อนายบอย (นามสมมติ) จึงประสานเจ้าของค่ายมวยซึ่งรู้จักกันดีนำตัวเข้ามาพบ ผกก.เมืองร้อยเอ็ด ก่อนที่จะนำไปมอบตัวต่อ พ.ต.ท.นรินทร์ นามบ้านค้อ สารวัตรพนักงานสอบสวน สภ เมืองร้อยเอ็ด
จากการสอบถามนายบอย ซึ่งนำปืนพลาสติกที่โพสต์ในเฟซมาแสดงต่อพนักงานสอบสวนด้วย ให้การว่า ตื่นมาในช่วงเช้าประมาณ 05.30 น. ได้นั่งเล่นเฟซบุ๊กในมือถือ ก่อนออกไปวิ่งออกกำลังกาย และเห็นคนโพสต์เหตุการณ์ที่นครราชสีมา และเห็นวัยรุ่นโพสต์ที่ชัยภูมิว่าจะก่อเหตุที่ห้างสรรพสินค้าชัยภูมิ ก็เลยนึกสนุก เลยโพสต์เล่นๆ เลียนแบบว่าจะก่อเหตุที่ห้างดังๆ ของจังหวัดคือบิ๊กซีบ้าง จึงนำปืนของเล่นมาต่อกันเป็นด้าม จากนั้นตั้งกล้องถ่ายภาพตัวเอง แล้วโพสต์ลงไปในเฟซบุ๊ก
ทางด้าน ร.ต.ท.สมัย พั่นพันศรี ตำรวจนอกราชการ กล่าวว่า นายบอยเคยสังกัดค่ายมวยตนเองเมื่อกว่า 1 ปีมาแล้ว และมาอยู่ได้เพียง 2 เดือนก็ออกไปเนื่องจากสติไม่สบประกอบ จากนั้นก็ออกไปเป็นนักมวยเร่ร่อน ไม่มีสังกัดค่ายชัดเจน หลังทราบเรื่องจึงติดต่อไปหาเขา นายบอยสำนึกผิด บอกว่าที่ทำไปด้วยความคึกคะนองมากกว่าอย่างอื่น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ร้อยเอ็ดได้แจ้งข้อหาแก่นายบอยมีความผิด 3 ข้อหา คือ ทำความผิดส่งข้อความอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จเข้าทางคอมพิวเตอร์ และกระทำให้ประชาชนตกใจกลัว เป็นความผิดตามกฎหมายอาญา ที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่งคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
แต่เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเยาวชนอายุเพียง 16 ปี หลังจากการสอบสวนปากคำแล้วจะนำตัวส่งเข้าสถานพินิจฯ เพื่อลงโทษต่อไป
พร้อมกับฝากเตือนให้เยาวชนและคนทั่วไปว่าอย่าเห็นแก่ความคึกคะนอง โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และขอเตือนให้ผู้ปกครองตักเตือนสอดส่องดูแลลูกหลานของตนเองอย่าปล่อยให้ทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะผู้ปกครองอยู่ในข่ายที่จะมีความผิดซึ่งจะถูกดำเนินคดีด้วยได้