อุบลราชธานี - ชาวบ้านตำบลยางใหญ่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ตื่นพบบ่อน้ำมันเบนซินในบ่อน้ำหลังบ้าน แห่ตักใส่แกลลอนเติมรถจักรยานยนต์วิ่งได้ คาดเป็นน้ำมันเบนซินจริง สั่งกั้นอาณาเขตห้ามตักไปใช้ หวั่นเกิดเพลิงลุกไหม้ รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสื่อโซเชียลมีการเผยแพร่คลิปภาพของชาวบ้านยางใหญ่ ต.ยางใหญ่ อำเภอน้ำยืน ใช้ถังตักน้ำขึ้นจากบ่อน้ำเก่าหลังบ้าน และพบมีสีแดง มีกลิ่นคล้ายน้ำมันเบนซิน ลอยอยู่เหนือผิวน้ำในบ่อ เมื่อนำมากรอง ก่อนนำไปจุดไฟก็สามารถติดไฟได้ เมื่อใส่ลงในถังน้ำมันรถจักรยานยนต์ เป็นเชื้อเพลิงให้รถวิ่งได้เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซินที่ใช้ทั่วไป
จากการลงพื้นที่บ้านยางใหญ่ พบชาวบ้านกว่า 20 คน ชุมนุมรอบบ่อน้ำเก่าลึกประมาณ 6 เมตร ตั้งอยู่ด้านข้างบ้านนางวาน สันจร อายุ 81 ปี ชาวบ้านยางใหญ่ หมู่ 1 ต.ยางใหญ่ โดยมีนายหลาง กอมพนม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยางใหญ่ พร้อมนายเจริญทรัพย์ บุญชิต ผู้ใหญ่บ้านบ้านยางใหญ่ คอยชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ไม่ให้มาตักน้ำมันออกไปจากบ่อดังกล่าวเพราะอาจทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นได้ พร้อมนำป้ายติดตั้งเตือนห้ามตักน้ำมันเด็ดขาด รอให้หน่วยงานด้านพลังงานเข้าตรวจสอบที่มาของน้ำมันเบนซินที่พบในบ่อดังกล่าวมาจากที่ใด
นายหลาง กอมพนม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยางใหญ่ เปิดเผยว่า สอบถามนางวาน เจ้าของบ่อน้ำดังกล่าวเล่าว่า หลังมีระบบประปาหมู่บ้านก็ไม่ได้ใช้น้ำจากบ่อดังกล่าวมานานแล้ว กระทั่งช่วงเย็นวานลูกชายของนางวานได้ตักน้ำไปรดหญ้าที่ปลูกไว้เลี้ยงวัว เมื่อตักน้ำขึ้นมาจากบ่อพบน้ำลักษณะสีแดงเข้มลอยอยู่เหนือผิวน้ำ และมีกลิ่นคล้ายน้ำมันเบนซิน ลูกชายนางวานจึงไปแจ้งให้นายเจริญทรัพย์ ผู้ใหญ่บ้านทราบ และมีชาวบ้านทราบเรื่องแห่กันมาทดลองตักน้ำใส่แกลลอนนำไปจุดไฟก็ติด เอาไปใส่รถจักรยานยนต์ก็สามารถวิ่งได้
ตนก็ไม่ทราบว่าน้ำในบ่อเป็นน้ำมันมาจากที่ใด เนื่องจากจากการตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงห่างไปราว 50 เมตรพบเพียงปั๊มน้ำมันหยอดเหรียญประชารัฐประจำหมู่บ้าน แต่ไม่ได้วางถังฝังไว้ใต้ดิน และไม่มีรอยรั่วซึม ห่างไปอีกราว 100 เมตรก็มีปั๊มน้ำมันขนาดเล็กอีกแห่ง แต่วางถังน้ำมันแบบลอยไม่ได้ฝังดิน เมื่อลองตรวจสอบน้ำมันจากปั๊มน้ำมันทั้ง 2 แห่งสีน้ำมันมีสีคล้ายกัน แต่ความเข้มไม่เหมือนกัน
เบื้องต้นได้รายงานเรื่องไปยังนายสมชัย บูรณะ นายอำเภอน้ำยืน และมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและปลัดอำเภอเข้ามาตรวจสอบ พร้อมวางมาตรการรักษาความปลอดภัยไม่ให้ประชาชนได้รับอันตรายจากน้ำมันเบนซินที่พบครั้งนี้ โดยห้ามมาตัก หรือทำให้เกิดประกายไฟใกล้บ่อน้ำ เพื่อรอเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพลังงานเข้าตรวจสอบที่มาที่ไปของแหล่งน้ำมันเบนซินที่รั่วไหลออกมาครั้งนี้ต่อไป