xs
xsm
sm
md
lg

หลังปะทะเดือด พบคาราวานติดอาวุธทิ้งยานรก 30 เป้เกลื่อนชายแดนเชียงดาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - คืบหน้าปะทะเดือดชายแดนเชียงดาว..พบขบวนการยานรกขนจากนากองมูฝั่งรัฐฉานมากันเป็นคาราวานติดอาวุธยิงถล่ม จนท.เจ็บ 2 นาย ก่อนหนีข้ามแดน-ยึดยาเสพติด 30 เป้ เป็นยาบ้าเกือบ 3 ล้านเม็ด เฮโรอีนอีก 32 กก.


วันนี้ (3 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ทหารปะทะขบวนการค้ายาเสพติดบ้านนากองมู รัฐฉาน พม่า ที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าทางช่องทางหนองกะลาง พื้นที่ชายแดนเขตบ้านลีซอป่าบงงาม ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ไทยถูกยิงได้รับบาดเจ็บ รวม 2 นายนั้น

ปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นหลัง พล.ท.สุภโชค ธวัชพีระชัย แม่ทัพน้อยที่ 3 รองผู้อำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพภาคที่ 3 (รอง ผอ.ศป.ปส.ทภ.3) มอบหมายให้ พล.ต.บุญยืน อินกว่าง รองแม่ทัพน้อยที่ 3 ผบ.ศป.บส.ชน. สั่งการให้จัดกำลังเข้าสกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดดังกล่าวตั้งแต่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา



กระทั่ง 05.00 น.วันนี้ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้พบกลุ่มขบวนการตามเป้าหมายกว่า30 คน พร้อมอาวุธปืน จึงได้แจ้งปลดอาวุธและขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มดังกล่าวได้ใช้อาวุธไม่ทราบขนาดยิงใส่เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยิงต่อสู้เพื่อป้องกันตัว

ต่อมาเวลาประมาณ 08.00 น.เศษ ระหว่างเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมพื้นที่ปะทะถูกฝ่ายตรงข้ามตลบหลัง ทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย คือ ร.ต.อาทิตย์เกี๋ยงคำ ทหาร ศป.บส.ชน. ถูกยิงเข้าด้านหลังทะลุปอด และจ่าสิบเอก วสันต์ แดงน้อยทหารจาก ฉก.ม.4 ซึ่งได้ประสานอากาศยานจากกองกำลังผาเมือง นำตัวผู้บาดเจ็บส่งรพ.มหาราชนครเชียงใหม่
พร้อมกันนั้นจัดกำลังชุดปฏิบัติการจากหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 กองบังคับการควบคุมที่ 1 กองร้อยที่ 2 พร้อม บก.ควบคุม ศป.บส.ชน.ที่ 2 เข้าควบคุมและตรวจจุดปะทะพบยาเสพติด 30 เป้ แบ่งเป็นยาบ้าจำนวน 29 เป้ จำนวนประมาณ 2,900,000 เม็ด และเป็นเฮโรอีน 32 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าหลายสิบล้านบาท


ทั้งนี้ ศป.บส.ชน.ยังคงเดินหน้าเปิดยุทธการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของรัฐบาล และกองทัพบก ที่กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่สำคัญที่ต้องได้รับการป้องกันและแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ และในแต่ละภาคของประเทศไทยต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น