ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หนุ่มบิ๊กไบค์โผล่เป็นพยานช่วยยืนยันหนุ่มแกร็บฟู้ดถูกกล่าวหาเป็นผู้ต้องสงสัยปาหินใส่รถยนต์กลางเมืองเชียงใหม่ ชี้ไม่ได้ขี่ปาดหน้าหรือเริ่มหาเรื่องก่อน ระบุฝ่ายรถยนต์ส่อแววหัวร้อนมากกว่า ส่อไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนขี่ จยย. ทั้งบีบแตรค้างและเร่งรถบี้ แต่ไม่ฟันธงเรื่องปากระจก เตือนสติคนใช้รถใช้ถนนอย่าใช้อารมณ์นำสติ
ความคืบหน้ากรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Aomamm Rawisada” โพสต์ภาพและข้อมูลเพื่อขอความช่วยเหลือในการช่วยติดตามหาตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนขับรถส่งอาหารของแกร็บฟู้ด ซึ่งก่อเหตุใช้ของแข็งที่น่าจะเป็นก้อนหินขว้างปาใส่กระจกด้านหลังของรถยนต์ได้รับความเสียหายแล้วหลบหนีไป เหตุเกิดย่านตลาดสันป่าข่อย ในตัวเมืองเชียงใหม่ ช่วงเย็นวันที่ 12 ม.ค. 63 ต่อมาหนุ่มแกร็บฟู้ดที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องสงสัยได้ออกมาชี้แจงยืนยันว่าไม่ได้ขี่รถปาดหน้าและเป็นฝ่ายถูกหาเรื่องด้วย อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องหินปากระจกรถยนต์ขอให้รายละเอียดที่ตำรวจและให้ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ล่าสุดพบผู้อยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว
โดยนายบรรจง (นามสมมติ) พนักงานโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เบื้องต้นเห็นข่าวกรณีที่มีการโพสต์ดังกล่าวแล้วรู้สึกตกใจ โดยตัวเองอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วยในช่วงที่มีการกล่าวอ้างและกล่าวหาว่าคนขี่จักรยานยนต์แกร็บฟู้ดขี่รถปาดหน้ารถยนต์ ซึ่งวันและเวลาช่วงเกิดเหตุุนั้นตัวเองขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ไปตามถนนช่วงจากแยกแสงตะวันไปทางถนนเจริญประเทศ พร้อมๆ กับคนขี่แกร็บฟู้ดที่ถูกกล่าวหา โดยขี่ตามหลังรถยนต์เก๋งคันที่เกิดเรื่อง สังเกตดูแล้วเหมือนคนขับรถยนต์คันดังกล่าวไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับคนขี่จักรยานยนต์ทั่วไปเท่าใด สังเกตได้จากการที่มีจักรยานยนต์คันหนึ่งพยายามจะขี่แซงในช่วงที่อยู่หน้าโรงแรมเชียงใหม่พลาซ่า แต่รถยนต์ไม่ยอมให้แซงด้วยการเร่งความเร็วจนจักรยานยนต์คันนั้นต้องยอมไม่แซง
จากนั้นเมื่อมาถึงจุดบรรจบกับถนนเจริญประเทศ ตัวเองได้เลี้ยวซ้ายไปทางสะพานนวรัฐ เช่นเดียวกับคนขี่แกร็บฟู้ด โดยแซงรถยนต์เก๋งคันที่เกิดเรื่องเหมือนกัน ซึ่งตัวเองขี่แซงนำหน้าไปก่อนประมาณอึดใจหนึ่งถึงประมาณทางเข้าตลาดอนุสาร ก็ได้ยินเสียงรถยนต์บีบแตรค้างเสียงดังต่อเนื่องไว้ จึงหันไปดูควบคู่กับดูกระจกส่องหลังพบว่าเป็นเสียงมาจากรถยนต์เก๋งคันดังกล่าวที่ขับไล่บี้รถจักรยานยนต์ของคนขี่แกร็บฟู้ด กระทั่งทั้งคู่เลี้ยวขึ้นสะพานเหล็กไป ซึ่งหลังจากนั้นตัวเองไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นอีก แต่เท่าที่ตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ไม่พบว่าคนขี่แกร็บฟู้ดขี่รถปาดหน้าหรือเป็นฝ่ายหาเรื่องรถยนต์เลย โดยหากไปตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดของเอกชนที่ติดตั้งอยู่ตามเส้นทางนั้น น่าจะช่วยยืนยันได้
ส่วนเรื่องที่รถยนต์ถูกปาหินใส่กระจกเสียหายนั้น ตัวเองไม่เห็นและไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงไม่สามารถบอกอะไรได้ อย่างไรก็ตามในประเด็นเรื่องของการขับขี่ใช้รถใช้ถนนร่วมกันนั้น มองว่าอยากให้กรณีนี้เป็นอุทาหรณ์ว่า ขับขี่รถบนถนนควรมีน้ำใจให้กันบ้าง หนักนิดเบาหน่อยควรใจเย็นและอภัยให้กัน อย่าใช้อารมณ์มากเกินไปกว่าสติ เพื่อป้องกันการกระทบกระทั่งที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์บานปลายและเกิดความเสียหายกันทุกฝ่ายได้
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ด้านพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ปิง ที่รับผิดชอบคดีเตรียมเชิญตัวคนขี่รถจักรยานยนต์แกร็บฟู้ดเข้าพบในวันที่ 20 ม.ค. 63 นี้ พร้อมทั้งฝ่ายรถยนต์เก๋งที่ถูกปากระจกด้วย