ผู้การสระบุรีให้ความมั่นใจคดีฆ่าอำพรางศพเซลส์สาว ไม่มีใครมีอยู่เหนือกฎหมาย

สระบุรี - ผู้การสระบุรี เรียกประชุมชุดสอบสวนเร่งคลีาคลายคดีฆ่าอำพรางศพเซลส์สาวจมน้ำนาน 3 ปี เผยขอให้ประชาชนมั่นใจได้ไม่มีใครมีอิทธิพลอยู่ในพื้นที่เหนือกฎหมายอย่างแน่นอน

บ่ายวันนี้ (12 ธ.ค.) ที่ห้องประชุม สภ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี พล.ต.ต.ชัยน์วัฒน์ อรัญวัฒน์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี ได้เดินทางเข้าร่วมประชุม โดยมี พ.ต.อ.พารินท จันทร์เลิศ ผกก.สภ.พระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี พ.ต.อ.กฤติเดช จันทร์เพชร ผกก.สภ.หนองโดน อ.หนองโดน จ.สระบุรี และชุดสืบทั้ง 2 สถานี เข้าประชุมหาความคืบหน้า ตรวจสำนวนในคดีฆ่าอำรางศพเซลส์สาวนานกว่า 3 ปี ซึ่งการประชุมภายในห้องประชุมแล้วเสร็จใช้เวลา 1 ชั่วโมง โดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมรับฟัง

ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น พล.ต.ต.ชัยน์วัฒน์ อรัญวัฒน์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี ได้ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ทางเรากำลังรอผลการตรวจยืนยันบุคคลจากแพทย์ ซึ่งพยายามเร่งรัดกับเจ้าหน้าที่ไปแล้วและประสานกับทางแพทย์ผู้ตรวจสอบว่า ให้ยืนยันบุคคลให้ชัดเจนก่อน

ขณะนี้เพียงแต่สันนิษฐานว่า โครงกระดูกที่พบเป็นของ น.ส.กลิ่นเกสร แต่ทางนิติวิทยาศาสตร์ยังไม่ยืนยันว่าเป็น น.ส.กลิ่นเกสร 100% แต่ถ้าผลตรวจ 100% แล้ว อย่างอื่นก็จะคืบหน้าได้อีกชัดเจนขึ้น จากนั้นทางสืบสวนจะสืบสวนว่า ตายเพราะอะไร และใครเป็นผู้ทำให้ตาย มันมีประเด็นในทางสืบสวนอยู่ มีอยู่ 1-2 ประเด็นแค่นั้นเอง ซึ่งประเด็นมันไม่กว้าง

แต่เนื่องจากเหตุมันเกิดมานานแล้ว การที่จะค้นหาพยานหลักฐาน ซึ่งจะพิสูจน์การกระทำผิดมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทางเราจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อจะให้ทราบว่าใครเป็นคนทำให้ น.ส.กลิ่นเกสร ถึงแก่ความตาย และจะนำตัวมาดำเนินคดีในทุกข้อหาให้ได้

ส่วนทางประเด็นทั่วไปที่อาจจะเป็นไปได้คือเรื่อง ชู้สาว เรื่องของธุรกิจ หรือประเด็นเกี่ยวกับทรัพย์สิน แต่ประเด็นเกี่ยวกับทรัพย์น่าจะไม่ใช่ เพราะว่ารถก็ยังอยู่ มีสมบัติและแหวนยังติดอยู่กับตัวผู้ตาย ส่วนทางธุรกิจก็ยังน้ำหนักน้อย แต่น้ำหนักทางเรื่องชู้สาวมีโอกาสมากที่สุด แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นใดออกไป

ให้มองในภาพรวมๆ ซึ่งตอนนี้อย่าเพิ่งไปบอกกล่าวว่าเป็นใครหรืออะไรยังไง รอให้พยานหลักฐานมันปรากฏก่อน และจะทราบกันเอง แต่ทั้งนี้ยืนยันว่าทั้งผู้บังคับบัญชา ทั้งเจ้าหน้าที่คนทำงานพยายามจะพิสูจน์ทราบให้ได้ว่า เหตุการณ์เป็นไปอย่างไร และจะบอกให้ประชาชนทราบ

ส่วนเรื่องกล้องหน้ารถของผู้ตายซึ่งขณะนี้ได้ส่งไปตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่ได้ผลกลับมา ต้องไปตรวจพิสูจน์ให้ลึกซึ้งอีกที

สำหรับเรื่องคดีเก่าจากปี 2559 นั้น ได้มีการทำสำนวนไว้แล้ว และสอบสวนไว้หลายปาก โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจจังหวัดสระบุรี และทางกองปราบปราม ซึ่งทางกองปราบได้เข้ามาสืบสวนสอบสวน และมีการตรวจค้นบ้าน และเก็บพยานหลักฐานไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้สำนวนก็ยังอยู่ เราก็เอาสำนวนนั้นเป็นแนวทางในการดำเนินคดีต่อได้ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ไม่มีใครมีอิทธิพลอยู่ในพื้นที่เหนือกฎหมายอย่างแน่นอน