ฉะเชิงเทรา- ผงะ! บึงกระจับ.. ถูกเอกชนใช้แบคโฮบุกรื้อทลายแนวคันดินกั้นน้ำคลองชลประทานพังเสียหาย ฝ่ายปกครอง-หน่วยงานเกี่ยวข้อง อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมเตรียมเอาผิดทางกฎหมาย
วันนี้ (26 พ.ย.) นางศิริพร ทัพมงคล อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม. 10 ต.หนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย นายกรีฑา นพเกตุ กำนันตำบลหนองแหน และเจ้าหน้าที่นิติกรและฝ่ายกองช่าง องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแหน ได้นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณแนวเขตคันคลองบึงกระจับ ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของกรมชลประทาน ภายใต้การดูแลใช้ประโยชน์ของกรมการปกครอง หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านร้องเรียนว่า ได้มีเอกชนพยายามที่จะบุกรุกพื้นที่
ด้วยการนำรถแบคโฮ จำนวน 2 คัน เข้ามาขุดรื้อทำลายแนวคันดินกั้นน้ำคลองชลประทานบึงกระจับ ซึ่งกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำงบประมาณเข้ามาขุดลอกและตั้งแนวคันดินเพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นท่วมพื้นที่รอบนอก หลังเกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554
นายยุทธนา จิ๋วสำอาง ผู้อำนวยการกองช่าง องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแหน กล่าวว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นแนวคันดินป้องกันน้ำท่วมแต่กลับพบว่ามีการถูกรื้อทำลาย ด้วยการนำรถแบคโฮเข้ามาขุดตักแนวคันดินรุกล้ำเข้าไปในแนวเขตลำคลองรวมเนื้อที่ประมาณ 2 งาน ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 129 ไร่ ตลอดความยาวกว่า 7 กิโลเมตร
โดยมีการขุดโกยดินจนเป็นบ่อลึกและตักดินออกไปวางไว้บนที่ดินของตนเองและหลังพบการกระทำผิด ก็เตรียมที่จะดำเนินการทางกฎหมายแล้ว
เช่นเดียวกับ นายธีรยุทธ ธรรมภักดี นิติกร องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแหน ที่บอกว่าการกระทำผิดดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายที่ดินมาตรา 9 มาตรา 108 และ พรบ.ขุดดินถมดิน พ.ศ.2543 มาตรา 17 ประกอบมาตรา 35 ซึ่งจะได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองแหน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับเอกชนรายนี้ต่อไป
ทั้งนี้ยังพบว่าจุดที่มีการขุดดินอยู่ในเขตแปลงที่ดินสาธารณะที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตลอดแนวริมคลองบึงกระจับ ตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ 17871 ประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน ต.เมืองเก่า-ต.หนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 129 ไร่ 20 ตารางวาและยังเป็นที่ดินอยู่ในการดูแลรักษาของกระทรวงมหาดไทย
และหลังการลงพื้นที่ตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยว ได้มี น.ส.ประวีร์วัณณ์ อุปริมูล ชาวบ้าน ม.10 ต.หนองแหน ที่แสดงตนว่าพี่ชายของตนเองเป็นผู้ดูแลที่ดินแปลงจำนวน 3 ไร่ บริเวณดังกล่าวและเป็นผู้ว่าจ้างให้รถแบคโฮเข้ามาขุดดินคันคลองดังกล่าวออกไป โดยที่ตนเองไม่รู้เรื่องเพราะอยู่แต่ในกรุงเทพฯและไม่มีเจตนาที่จะบุกรุกหรือทำธุรกิจที่ก่อให้เกิดรายได้จากที่ดินบริเวณดังกล่าว
"เพียงแต่อยากจะช่วยขยายลำคลองให้กว้างขึ้นในจุดที่ตรงกับหน้าแปลงที่ดินของตนเองที่อยู่ติดกับลำคลองสาธารณะบึงกระจับเท่านั้น จึงเข้าใจว่าเจ้าของบ้านที่อยู่ติดกับลำคลองสามารถใช้ประโยชน์ได้" น.ส.ประวีร์วัณณ์ กล่าว