อ่างทอง - หนุ่มวัย 32 ปี เมา ตกงาน เสพยา ทะเลาะกับเมีย เผาบ้านวอด แล้วตะโกนบอกชาวบ้านว่ากูจุดไฟเผาบ้านแล้วโว้ย และวิ่งหนีไป ก่อนโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้ได้ เบื้องต้นสารภาพเมา ตกงาน
เมื่อเวลา 20.00 น.วานนี้ (9 พ.ย.) พ.ต.ท.นิสิต นิวรณ์นุสิต สว.สอบสวน สภ.ป่าโมก ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 36/12 หมู่ 7 ตำบลโรงช้าง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง จึงประสานไปยังรถดับเพลิง เทศบาลตำบลป่าโมก รถดับเพลิง อบต.โรงช้าง เจ้าหน้าที่กู้ภัย รายงาน พ.ต.อ.เสวก เอี่ยมมงคล ผกก.สภ.ป่าโมก และ น.ส.เบญจวรรณ ฟักแก้ว นายอำเภอป่าโมก พร้อมรุดไปที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวฝาทำด้วยไม้อัดและอิฐบล็อก หลังคาสังกะสี บ้านกว้างประมาณ.4 เมตร ยาว 7 เมตร เพลิงลุกไหม้ที่นอนของใช้ในบ้าน ฝาบ้าน โครงหลังคาที่เป็นไม้ถูกเพลิงไหม้เกือบทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่ใช้เวลาควบคุมเพลิงนานประมาณ 30 นาที.เพลิงจึงสงบ ส่วนบ้านที่โดนเพลิงไหม้เหลือเพียงซากอิฐบล็อกที่ก่อโดยรอบบริเวณบ้าน เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.บุญรอด โพธิ์ศรีทอง อายุ 56 ปี ที่กำลังร้องไห้ กล่าวทั้งน้ำตาว่า ผู้ที่ก่อเหตุเผาบ้านคือ นายมนต์ชัย อารีย์เอื้อ อายุ 32 ปี ลูกชายที่ติดยาเสพติดไม่ทำงาน เอาแต่กินเหล้าและเมายาเสพติดจนหลอน ชอบทำร้ายแม่จนอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวไม่ได้ จึงไปพักที่โรงอิฐที่ทำงานอยู่ ส่วนบ้านหลังดังกล่าว นายมนต์ชัย อยู่บ้านเพียงลำพัง ระยะหลังภรรยาก็ไม่ได้อยู่ด้วยไปทำงานที่กรุงเทพฯ และกลับมามีเรื่องทะเลาะกันก่อนที่นายมนต์ชัย จะก่อเหตุเผาบ้านจนเสียหายทั้งหลัง
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการควบคุมตัว นายมนต์ชัย มาสอบสวนที่ สภ.ป่าโมก ซึ่งยังมีอาการเมามายพูดจาไม่รู้เรื่อง และทำการตรวจปัสสาวะพบว่ามีสารเสพติด จากการสอบสวน นายมนต์ชัย กล่าวว่า อยู่บ้านที่เกิดเหตุคนเดียว ภรรยาทำงานอยู่ กทม. บิดามารดาอาศัยอยู่ที่ทำงานโรงอิฐ ใน อ.ป่าโมก ก่อนเกิดเหตุภรรยากลับมาที่บ้าน และได้ทะเลาะกับภรรยา
สาเหตุเนื่องจากตนเองตกงานหลายเดือน แล้วภรรยาก็ออกจากบ้านไป จึงใช้น้ำมันสนที่มีในบ้านราดที่นอนในห้องนอนแล้วจุดไฟเผา แล้วก็ออกจากบ้านไปบอกกับเพื่อนบ้านว่า จุดไฟเผาบ้านแล้ว เพื่อนบ้านจึงช่วยกันดับไฟและแจ้ง สภ.ป่าโมก หลังจากนั้น พยายามหลบหนี เจ้าหน้าสายตรวจร่วมกันจับกุมตัวไว้ได้ พร้อมไฟแช็กที่ใช้ก่อเหตุอยู่ในกระเป๋ากางเกง พร้อมให้การรับสารภาพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวทำการสอบสวนขยายผล พร้อมดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป