xs
xsm
sm
md
lg

“สนธยา” โชว์ผลงาน 1 ปี หลัง คสช.ตั้งเป็นนายกเมืองพัทยา เรื่องดีๆ มีเพียบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวศรีราชา - “สนธยา” แจงผลงาน 1 ปี หลัง คสช.ตั้งเป็นนายกเมืองพัทยา ทั้งสานภารกิจรับ EEC แก้งานค้างเก่า ปัญหาซ้ำซาก ทั้งถนน จราจร แหล่งท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม น้ำเสีย น้ำท่วม ขยะ สาธารณสุข และการศึกษา ชูคอนเซ็ปต์ “Neo Pattaya” ศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกแห่งใหม่


วันนี้ (10 ต.ค.) นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้สรุปผลการดำเนินงานตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งจาก คสช.ให้ดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.2561 และเพิ่งครบรอบการทำงาน 1 ปีเต็ม ว่า หลังเข้ารับตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีเป้าหมายสำคัญที่ต้องการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในพื้นที่เมืองพัทยา พร้อมหามาตรการรองรับการเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและการลงทุน ในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยได้ร่วมกับทุกภาคส่วนทำการสำรวจ แก้ไข จัดตั้งโครงการและวางแผนดำเนินการทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สร้างปัญหาให้แก่เมืองพัทยามายาวนาน และได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อสานต่อภารกิจในยุคของ นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยาคนก่อนที่ได้ดำเนินการไว้ก่อนหน้า รวมทั้งดำเนินการขุดเจาะแนวฟุตปาธบริเวณชายหาดพัทยา รวม 11 จุด เพื่อให้เกิดระบายน้ำที่ท่วมขังได้อย่างทันท่วงที และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว

“จากเดิมปัญหาน้ำท่วมจะกินเวลาการระบายนานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ปัจจุบันจะใช้เวลาเพียง 28 นาทีเท่านั้น ขณะที่ปัญหาหลักของน้ำท่วมคือ น้ำที่หลากจากฝั่งตะวันออก ที่มีระดับความสูงกว่าเมืองพัทยาประมาณ 50-60 เมตร ขณะที่ท่อระบายน้ำในเขตเมืองพัทยามีสัดส่วนของท่อเพียง 60-80 เซนติเมตร จึงทำให้การระบายน้ำเป็นไปด้วยความยากลำบากจากมวลน้ำที่ไหลบ่าเข้ามาจำนวนมาก”

ปัจจุบัน เมืองพัทยา ได้อนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถาวร ทั้งบริเวณถนนสายชายหาด ถนนเลียบทางรถไฟ และถนนนาเกลือ และหากโครงการแล้วเสร็จจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงแต่อาจสร้างความลำบากและความไม่สะดวกสบายให้แก่ประชาชน อีกทั้งโครงการเหล่านี้ยังดำเนินการพร้อมกับโครงการนำสายไฟฟ้าลงดินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่พบว่ามีการขุดเจาะแนวถนนเพื่อวางสายไฟแรงสูง แรงต่ำทั่วเขตเมืองพัทยา จึงทำให้เกิดปัญหาด้านการจราจรและกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของประชาชน

นายสนธยา กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งประสานไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อกำหนดจุดและระยะเวลาการแก้ไขปัญหา หลังพบว่าเกิดปัญหาการขุดเจาะผิวจราจรทั่วเขตเมืองพัทยาและรอบนอก

"ด้วยความที่เมืองพัทยา เป็นเมืองที่มีศักยภาพสูงเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปีกว่า 14 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 2.3 แสนล้านบาท หรือเรียกได้ว่ามีเศรษฐกิจที่ดีเป็นอันดับที่ 2 รองจาก กทม.แต่ในวันนี้ก็ยังมีปัญหาให้แก้ไขมากมาย จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่ต้องมีความสามัคคี หรือ “การร่วมสร้างโอกาส สร้างอนาคตร่วมกัน” ทั้งปัญหาสังคม จราจร ถนนหนทาง ขยะมูลฝอย น้ำเสีย น้ำท่วม สาธารณสุข ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และการศึกษา"

ไม่เพียงเท่านั้นยังเดินหน้าพัฒนาชายหาดด้วยการขยายพื้นที่ความกว้างตลอดแนว 2.8 กิโลเมตร ในระยะความกว้าง 35 เมตร จนปัจจุบันมีสภาพสวยงามและเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญ การศึกษาต่อยอดการพัฒนาระบบโครงสร้างการเรียนการสอน จนปัจจุบันการศึกษาของเมืองพัทยามีระดับที่ดีติดอันดับ 3 ของประเทศ

“เรื่องนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ และจะมีการยกระดับต่อไปเพื่อผลิตบุคลากรให้เพียงพอต่อความเติบโตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่ปัญหาขยะมูลฝอยได้เปลี่ยนแปลงผู้รับเหมาและเก็บขนถ่ายที่มีศักยภาพมากขึ้นรับมือกับปัญหาขยะที่มีมากถึง 460 ตันต่อวัน ส่วนปัญหาขยะตกค้างบนเกาะล้าน กว่า 7 หมื่นตันก็กำลังดำเนินการและจะสามารถแก้ไขได้ในเร็ววันนี้”

ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำปัญหาน้ำเสีย ปัจจุบันพบว่าเมืองพัทยามีความสามารถในการรองรับน้ำเสียเกินขีดจำกัดของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีการศึกษาและวางแผน รวมทั้งขอรับการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐในการขยายระบบการบำบัดให้สามารถรองรับได้มากขึ้นในอนาคต

นายสนธยา กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการะเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ถือเป็นนโยบายหลักของประเทศที่ต้องการส่งเสริมการลงทุน การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยวางเมืองพัทยาให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ทำให้เมืองพัทยาต้องเตรียมความพร้อมรองรับทั้งระบบคมนาคม สาธารณูปโภค และด้านอื่นๆ

โดยความคืบหน้าล่าสุด จะมีการเปิดซองประมูลก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา ให้เป็นสนามบินพาณิชย์นานาชาติแห่งที่ 2 ของประเทศ ที่มีขนาดเท่ากับสนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ 11 ต.ค.นี้ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนจะทำให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าจะมีผู้โดยสารผ่านสนามบินดังกล่าวถึงกว่า 55 ล้านคนต่อปี และจะทำให้ภาคตะวันออกและประเทศไทยได้รับผลประโยชน์อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่กำลังดำเนินการ

และเมืองพัทยา ยังต้องวางแผนรองรับสถานีรถขนส่งขนาดใหญ่ และระบบรถรางไฟฟ้า หรือ Tram ต่อยอดการเดินทางที่สมบูรณ์แบบ รวมทั้งแผนจัดสร้างท่าเรือสำราญ หรือ Cruise Terminal บริเวณท่าเรือพัทยาใต้ รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางทางทะเลสู่เมืองพัทยา โดยทั้ง 2 โครงการนี้ปัจจุบันได้ทั้งผู้สำรวจศึกษาและออกแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากแผนนโยบายเหล่านี้จะเห็นได้ว่าคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI มีผู้ประกอบการยื่นความประสงค์ที่จะลงทุนในภาคตะวันออกแล้วกว่า 6 แสนล้านบาท

“เมืองพัทยาจะมีการพัฒนาไปสู่คอนเซ็ปต์ Neo Pattaya ด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ หรือพัทยาโฉมใหม่ก้าวไกลไม่ทิ้งกัน ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน ทุกภาคีเครือข่ายในการร่วมกันเดินไปข้างหน้าไม่ทิ้งกัน เพื่อผลักดันให้เมืองพัทยาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว การพัฒนาพัทยาสู่ Smart City, Mice City และ Sport City อย่างเต็มรูปแบบ” นายกเมืองพัทยา กล่าว







กำลังโหลดความคิดเห็น