xs
xsm
sm
md
lg

(ชมคลิป)สองฝั่งไทย-พม่า ตื่นตัวรับโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรี-ทวาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กาญจนบุรี - สองฝั่งไทย-พม่า ตื่นตัวรับโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรี-ทวาย พาณิชย์ จ.กาญจน์ เผยกลุ่มนักธุรกิจจากพม่า สนใจลงทุนฝั่งไทย หลังทราบข่าวรัฐบาลเตรียมปัดฝุ่น หวังเป็นจุดส่งสินค้าต่อไปยังปลายทางในซีกโลกตะวันตก



นายผกายเนติ์ เล่งอี้ พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับกรณีที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม จะปัดฝุ่นโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษและท่าเรือน้ำลึกทวาย ประเทศพม่า โดยจะหารือในความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ คือ ไทย พม่า และญี่ปุ่น จะได้ข้อยุติและทำให้เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ไม่เกินภายในต้นปี 2563 นี้

มองว่าเป็นเรื่องที่ดีซึ่งเราต้องผลักดันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโครงการนี้เป็นความหวังไม่ใช่แค่ประเทศไทยแต่เป็นความหวังของทั้งประเทศในอาเซียน เนื่องจากโครงการนี้จะเชื่อมโยงประเทศไทย กัมพูชา เวียดนาม รวมถึงประเทศพม่า ผ่านมายังจังหวัดกาญจนบุรี

จังหวัดกาญจนบุรีจะเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศไทยในการที่ผลักดันการค้าการลงทุน และอาจจะเป็นศูนย์ในการที่จะประกอบสินค้าในขั้นสุดท้ายที่จะส่งออกไปท่าเรือทวาย โดยโครงการนี้เป็นโครงการที่สำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางปลายทางที่จะส่งสินค้าออกไปภูมิภาคทางด้านตะวันตกของซีกโลกเรา

หากโครงการนี้เกิดขึ้นจริงมีแต่ข้อดี เพราะโครงการนี้จะทำให้เกิดการได้มาซึ่งอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ต่อเนื่องกับโครงการนี้มีหลายอย่างมาก เช่น การผลิตสินค้าตามแนวเส้นทางโลจิสติกส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงเอาสินค้าที่เป็นโครงการจาก EEC ผ่านทางจุดเส้นทางต่างๆ ซึ่งต้องผ่านกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน

โดยจังหวัดกาญจนบุรีอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไม่มากใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งหากต่อไปในอนาคตมีเส้นทางมอเตอร์เวย์ ก็จะทำให้ใช้เวลาในการเดินทางสั้นลงขึ้นเพียงแค่ 1 ชั่วโมง หรือประมาณ 45 นาทีเท่านั้น

ส่วนในเรื่องของความพร้อมในพื้นที่ ที่ผ่านมา จ.กาญจนบุรี ได้มีการเตรียมความพร้อมในการที่จะรองรับ โดยมีโครงการสร้างถนน 2 ช่องทาง จากด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี ไปถึงทวาย เป็นระยะทางรวม 140 กิโลเมตร ซึ่งโครงการนี้ทางจังหวัดได้ส่งสัญญาณไปถึงนักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศไปแล้ว และรัฐบาลไทยเอง

โดยสำนักงานส่งเสริมความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ NEDA จะให้การสนับสนุนด้วยการให้เงินกู้แก่รัฐบาลพม่า ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.1 ต่อปี เมื่อถนนทางฝั่งพม่าเสร็จก็จะทำให้เกิดมิติใหม่ จึงมั่นใจอย่างยิ่งว่า จังหวัดกาญจนบุรีจะเป็นจังหวัดที่ให้คำตอบแก่หลายๆ ท่านที่จะทำการค้ากับทางฝั่งประเทศพม่า เพราะมันเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด จากกรุงเทพฯ สามารถส่งต่อสินค้าไปยังประเทศพม่าได้เลย สำหรับสินค้าส่งไปยังฝั่งประเทศพม่า จะมีจุดเชื่อมต่อที่กรุงย่างกุ้งได้โดยง่าย

นายผกายเนติ์ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับการตื่นตัวของนักธุรกิจ ล่าสุดยังไม่มีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาจดทะเบียนการค้า แต่ว่าได้มีการตีกรอบเขตเศรษฐกิจพิเศษเอาไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้กำลังรอโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษในการส่งมอบพื้นที่ให้แก่บริษัทผู้ที่ได้รับการบริหารจัดการ ซึ่งถ้าหากโครงการฯ มีความชัดเจน มั่นใจว่าจะเป็นอีกมิติหนึ่งที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่คิดที่จะเข้ามาเป็นจุดปลายทางของการขนส่งสินค้า โดยอาจจะส่งสินค้ามาจาก EEC สินค้าที่นำมาจาก EEC อาจจะยังไม่สำเร็จ แต่สินค้าเหล่านั้นจะถูกนำมาประกอบให้เป็นสินค้าสำเร็จรูปตามจุดพื้นที่รายทางของจังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นจึงส่งสินค้าต่อไปยังปลายทางในซีกโลกตะวันตก ซึ่งกรณีนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่พี่น้องประชาชนชาวกาญจนบุรี รวมทั้งประชาชนชาวไทยและประชาชนรอบข้างได้เป็นอย่างดี

“ในฐานะที่ผมเคยเป็นทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ที่กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า ผมจะได้มีการส่งเสริมผลักดันการค้าการลงทุนของประเทศไทยให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการนำผู้ประกอบการชาวพม่า มาลงทุนในประเทศไทย และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการชาวไทยไปลงทุนในประเทศพม่า ภารกิจที่จะแนะนำผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สนใจที่จะไปลงทุนในประเทศพม่านั้นอยู่ในแผนอยู่แล้ว

ตรงนี้ขอรอความชัดเจนของโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการขายไอเดียให้แก่ผู้ประกอบการที่เป็นนักธุรกิจทางฝั่งประเทศพม่าที่สนิทกันแล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และเขามีความสนใจเป็นอย่างมากเพราะว่าถ้าเทียบชนชาติที่อยู่รอบข้างประเทศพม่าแล้ว เขาต้องการที่จะมาลงทุนทำการค้ากับประเทศไทยมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศไทยที่ติดแนวชายแดน เขายิ่งอยากมาลงทุนมากขึ้น”

ทั้งนี้ หากมีการเริ่มสร้างถนนประมาณต้นปี 2563 จากพุน้ำร้อนไปถึงทวาย โดยจะเสร็จภายในปี 2567 ผมมั่นใจว่า เมื่อมีสิ่งเอื้ออำนวยประโยชน์ซึ่งกันและกันแล้ว จะทำให้กาญจนบุรีและเมืองใกล้ชิดเกิดความเจริญทางด้านเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น และในอนาคตคิดว่าเราต้องเตรียมความพร้อมให้ดีในการรองรับอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นอีกอย่างมากมาย

ด้าน นายสะอาด ทั่นเส้ง นักธุรกิจนำเที่ยว กาญจนบุรี-ทวาย ผู้จัดการกาญจนบุรีแอนด์ทวายทัวร์ เปิดเผยว่า เมืองทวายกำลังเปลี่ยนแปลง จากสังคมเมืองเก่าเป็นเมืองใหม่ ด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาของพม่า ที่หวังให้ทวายเป็นเมืองท่าด้านเศรษฐกิจของประเทศ ในการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้า การลงทุนในภูมิภาคอาเซียน และการนำสินค้าสู่ภูมิภาคตะวันตก

ในขณะเดียวกัน ประเทศสาธารณรัฐพม่า ยังมีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าหอย ปู ปลา หมู่เกาะธรรมชาติอันสวยงาม ทรัพยากรใต้พื้นดิน น้ำมัน แร่ ทอง หยก ป่าไม้ หรือสิ่งธรรมชาติอื่นๆ ที่เป็นมนต์ขลังให้ชาวต่างชาติ มองตาเป็นมันที่จะเข้าไปลงทุน อีกทั้งแรงงานพม่า ยังเป็นความต้องการของประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนทางด้านสังคมทวายนั้น ความเปลี่ยนแปลงจากอดีตสู่ปัจจุบัน ทำให้เห็นว่า เมืองทวายนั้น ได้มีการตื่นตัว และปรับโครงสร้างพื้นฐานด้วยงบประมาณจากทางรัฐบาลของพม่า ค่อนข้างมากขึ้น อีกทั้งประชาชนในเมืองทวาย ได้มีการลงทุนด้านเศรษฐกิจที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต เป็นความเชื่อมั่นของคนที่นี่ในการลงทุนเพื่อด้านเศรษฐกิจในประเทศของเขา

การสร้างท่าเรือน้ำลึกเมืองทวาย เป็นความฝันสูงสุดของชาวพม่า หากเส้นทาง บ้านพุน้ำร้อน ถึงเมืองทวายลงมือทำการก่อสร้างได้ในปี 2563 จะเป็นประโยชน์ทางด้านการลงทุน และทำธุรกิจระหว่าง 2 ประเทศได้เป็นอย่างดี เรียกว่า Win Win ทั้งสองฝ่าย ขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลไทยได้จัดทำด่านถาวรขึ้นที่บ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ถือเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า การเชื่อมโยงของทั้ง 2 ประเทศจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในด้านของการลงทุนต่อไป

อนึ่ง เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและท่าเรือน้ำลึกทวายเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งของอาเซียน (ASEAN Connectivity) ซึ่งได้รับการผลักดันจากกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้้าโขงและญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดเส้นทางการค้าและประตูเชื่อมเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกแห่งใหม่ตามแนว ระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ของอนุภูมิภาคลุ่มน้้าโขง หรือ Greater Mekong Sub-region (GMS) โดยท่าเรือน้ำลึกทวายจะเป็นประตูการค้าฝั่งตะวันตกของ ภูมิภาค สร้างทางลัดโลจิสติกส์เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนกับโลกตะวันออกและโลกตะวันตก สู่ตลาดในเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป







กำลังโหลดความคิดเห็น