นครสวรรค์ - เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเผยภาพพีระมิดห่วงโซ่อาหาร.. “เจ้าเอื้อง-เสือโคร่งตัวเขื่อง” ลากซากวัวแดงตัวใหญ่ที่กัดกินไปแล้วเกือบครึ่งไปให้ลูกอีก 3 ตัวกิน ระบุชาวแม่เปินเห็นก่อนโร่แจ้ง จนท.ตั้งกล้องจับภาพไว้ได้
วันนี้ (8 ต.ค.) เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) ได้เผยแพร่ภาพและคลิปซากวัวแดงถูกเสือโคร่งป่าห้วยขาแข้งกินหายไปครึ่งท่อน เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
นายธนิตย์ หนูยิ้ม ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 (นครสวรรค์) เปิดเผยว่า ตอนนั้นได้รับแจ้งจากนายปรีดา พิมคีรี ชาว ต.แม่เปิน อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ ว่าได้เข้าไปเก็บเห็ดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยทับเสลา-ป่าห้วยคอกควาย (พื้นที่เตรียมการผนวก) ท้องที่ ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี แล้วพบเห็นซากวัวแดง 1 ตัวนอนตายอยู่ในสภาพตัวเหลือครึ่งท่อน ห่างจากบ้านพักของสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ประมาณ 2 กิโลเมตร จึงรีบวิ่งหน้าตื่นออกมาจากป่าเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าตรวจสอบซากวัวแดงดังกล่าว
เมื่อนายธานี วงศ์นาค เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง พร้อมเจ้าหน้าที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และทีมวิจัยเสือโคร่ง นำโดย ดร.อัจฉรา ซิ้มเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ เข้าไปตรวจสอบ พบว่าจุดที่พบซากวัวแดงอยู่ที่พิกัด UTM 0540429E 1723004N รอยต่อระหว่าง จ.นครสวรรค์ กับ จ.อุทัยธานี ส่วนซากดังกล่าวเป็นซากวัวแดงเพศเมีย มีร่องรอยถูกเสือโคร่งกินตั้งแต่ส่วนของสะโพกไปจนถึงท่อนหลัง รวมทั้งลำไส้-เครื่องในก็ถูกแทะกัดกิน
แต่จากการตรวจสอบโดยรอบบริเวณใกล้เคียงซากยังตรวจพบรอยเท้าเสือโคร่ง และรอยลาก แต่ไม่พบร่องรอยกระสุนปืน หรือร่องรอยที่เกิดจากการกระทำของคนแต่อย่างใด
ด้าน ดร.อัจฉรา ซิ้มเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทำการศึกษาวิจัยเรื่องเสือโคร่ง เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์นี้เป็นการล่าวัวแดงของเสือโคร่งเพศเมียที่ล่าเพื่อเป็นอาหาร สังเกตได้จากการพบรอยเขี้ยวและรอยอุ้งตีน ขนาด 7.5 ซม. และ 6.0 ซม. คาดว่าเสือผู้ล่าน่าจะมี 2 ตัว เป็นแม่และลูกกัน ส่วนวัวแดง เป็นเหยื่ออาหารหลักของเสือโคร่ง ดังนั้น การล่าวัวแดงของเสือโคร่งที่พบในครั้งนี้ถือเป็นไปตามห่วงโซ่อาหารตามธรรมชาติ และการล่าเป็นการใช้ประโยชน์ตามพีระมิดอาหาร ไม่ทำให้วัวแดงสูญพันธุ์แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม หลังจากการตรวจสอบ ดร.อัจฉรา และเจ้าหน้าที่เห็นร่วมกันว่าควรที่จะทิ้งซากวัวแดงเอาไว้ในบริเวณที่ตรวจพบเพื่อรอให้เป็นเหยื่อของเสือโคร่งต่อ พร้อมกับติดตั้งกล้องถ่ายภาพไว้ใกล้กับจุดที่พบซากวัวเพื่อเก็บข้อมูลเชิงวิชาการ อันจะมีประโยชน์ในการที่จะใช้เป็นข้อมูลเชิงลึก และนำไปใช้วางแผนจัดการสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งให้เป็นไปตามหลักวิชาการต่อไป
ผลปรากฏว่าหลังจากตั้งกล้องแอบถ่ายเอาไว้ได้ประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถบันทึกภาพเสือโคร่งตัวหนึ่งเข้ามาลากซากวัวแดงไปกินต่อ จึงทำให้รู้ว่าเป็นฝีมือของเสือโคร่งเพศเมียชื่อ “เอื้อง” ที่ทีมวิจัยเคยนำเครื่องติดตามไปติดไว้ที่คอเพื่อศึกษาวงจรและวิถีชีวิต
ภาพที่กล้องสามารถบันทึกได้ในเวลาต่อมานั้น เป็นภาพที่เสือเอื้องได้ลากซากวัวแดงไปให้ลูกของมันอีก 3 ตัวได้กินภายในป่า ที่เผยให้เห็นปรากฏการณ์ห่วงโซ่อาหารตามธรรมชาติของสัตว์ป่าภายในป่าห้วยขาแข้งแห่งนี้