แก๊งขับรถตบทรัพย์อาละวาดอีก อดีตนักมวยเจอเองที่นครพนม

นครพนม - แก๊งขับรถตบทรัพย์อาละวาดอีกแล้ว ล่าสุดอดีตนักมวยดังตกเป็นเหยื่อ หลังเกิดเหตุที่ถนนสกลนคร-นาแก สุดท้ายขอไปจ่ายเงินที่โรงพัก แต่แก๊งมิจฉาชีพไม่เอาด้วยขับหนี แจ้งความตำรวจเร่งลากตัวมาดำเนินคดีพร้อมโพสต์เตือนภัยสังคม

วันนี้ (7 ต.ค. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนมเริ่มมีแก๊งขับรถยนต์เบียดหวังตบทรัพย์ออกอาละวาดเหยื่อที่สัญจรในเส้นทางเปลี่ยว ล่าสุดมีผู้เสียหายเป็นอดีตนักมวยไทยชื่อดังในชื่อ โอกาส ศักดิ์หนองย่า ชื่อจริงคือ นายภูมินันท์ ครโสภา อายุ 54 ปี ชาว ต.หนองย่างชิ้น อ.เรณูนคร จ.นครพนม ปัจจุบันประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าพื้นเมือง ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อเตือนภัยสังคม และโพสต์ข้อมูลผ่านโซเชียลให้ประชาชนระมัดระวังแก๊งมิจฉาชีพสุดแสบที่ตระเวนหากินบนความทุกข์ของคนอื่นซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมมิจฉาชีพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นายภูมินันท์ ครโสภา อายุ 54 ปี ชาวบ้าน ต.หนองย่างชิ้น อ.เรณูนคร จ.นครพนม อดีตนักมวยไทยที่ตกเป็นเหยื่อ เปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะตนขับรถยนต์กระบะนิสสัน บิ๊กเอ็ม แค็บ สีดำ ทะเบียน บค 1916 นครพนม กลับจาก จ.สกลนคร บนบถนนสกลนคร-นาแก เขตพื้นที่บ้านดอนโทน ต.ก้านเหลือง อ.เมืองนครพนม ขณะนั้นมีเก๋งมาสด้า สีดำ จำเลขทะเบียนไม่ได้ ขับมาเบียดทางขวา ทำให้ตนหักหลบเข้าไหล่ถนนทางซ้าย

จากนั้นมีรถยนต์เก๋งนิสสัน สีบรอนซ์ ทะเบียนจำได้แค่ป้ายกรุงเทพมหานคร มาเบียดเฉี่ยวชนด้านหลังกระบะซ้าย ทำให้รถของตนมีรอยเฉี่ยวชนด้านซ้ายท้ายกระบะ ตนจึงจอดรถยนต์ลงไปตรวจสอบ ปรากฏว่ามีชายร่างท้วม ไว้หนวดเครา 1 คน เดินลงมาบอกว่าขับรถเบียดรถเก๋งนิสสันที่ขับตามมาเสียหาย ต้องชดใช้ความเสียหายค่าซ่อม และยังเจาะจงด้วยว่าต้องซ่อมศูนย์ ซึ่งค่าใช้จ่ายสูงมาก ตนคิดในใจว่าน่าจะเป็นแก๊งตบทรัพย์แน่

จากนั้นชายคนดังกล่าวได้พูดจาเหมือนจะมีน้ำใจ ระบุว่าจะช่วยเหลือไม่ต้องซ่อมศูนย์ก็ได้ ขอรับเงินสดจ่ายเลย พร้อมระบุค่าซ่อมไฟหน้า 3,500 บาท และฝากระโปรงเป็นรอย 5,000 บาท จนกระทั่งผิดสังเกตจึงตัดสินใจหาทางออกจากจุดเกิดเหตุ และตะโกนบอกกับแก๊งตบทรัพย์ว่าตกลง แต่ให้ชายคนดังกล่าวขับรถตามไปรับเงินที่สถานีตำรวจใกล้จุดเกิดเหตุ ตนจึงเดินขึ้นรถขับออกไป


เมื่อขับออกไปสักระยะชายคนขับเก๋งนิสสันจะขับมาตาม ปรากฏว่าขับมาได้สักพักรถเก๋งนิสสันได้ขับออกนอกเส้นทางหายไป จึงมั่นใจว่าเจอแก๊งตบทรัพย์แน่นอน จากนั้นตนจึงนำข้อมูลที่ประสบมาไปเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียล และได้แจ้งความต่อตำรวจไว้เป็นหลักฐานเพื่อให้เร่งติดตามจับกุมตัว พร้อมฝากเป็นอุทาหรณ์เตือนภัยผู้ใช้รถใช้ถนนระมัดระวังแก๊งมิจฉาชีพ ไม่หลงตกเป็นเหยื่อ ถือเป็นภัยสังคมที่ต้องช่วยกันเตือนภัยผ่านสื่อ