บุรีรัมย์ - ร้านพรีเวดดิ้ง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ หนึ่งในทีมออร์แกไนซ์ที่รับจัดงานแต่งเสี่ยหมื่นล้านกำมะลอ เปิดใจเป็นเพียงลูกทีมของอาจารย์ที่ จ.จันทบุรี รับงานต่ออีกทอดได้ค่าจ้าง 3 แสน ไม่เคยเจอเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพียงเห็นในรูปถ่าย หลังรู้ข่าวเสี่ยเก๊ตกใจและสงสารเจ้าสาว
วันนี้ (3 ต.ค.) จากเรื่องราวที่กำลังกลายเป็นกระแสดรามา และผู้คนให้ความสนใจ คือกรณีที่พริตตี้สาวอายุ 30 ปีชาว จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ว่า ถูกนายนัท (นามสมมติ) อ้างว่าเป็นเสี่ยหมื่นล้าน หลอกให้แต่งงาน จดทะเบียนสมรส โดยมีการจัดงานแต่งอย่างใหญ่โตที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ มีการจ้างออร์แกไนซ์ มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการจัดงานรวมกว่า 3.5 ล้านบาท แต่หลังเสร็จงานฝ่ายเจ้าบ่าวกลับชิ่งไม่ยอมจ่ายเงินค่าจัดงาน ทำให้ฝ่ายหญิงต้องรับผิดชอบนั้น
ล่าสุดร้านพรีเวดดิ้งแห่งหนึ่งใน อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมข้อความชี้แจงเกี่ยวกับกรณีการรับจัดงานแต่งของคู่บ่าวสาวที่กำลังกลายเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปสอบถามเจ้าของโพสต์ดังกล่าว คือ น.ส.ดวงฤทัย ยากระโทก หรืออุ้ย อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน พรีเวดดิ้ง ชี้แจงให้ฟังว่า ตนเป็นลูกทีมของอาจารย์อยู่ที่ จ.จันทบุรี ซึ่งอาจารย์เป็นแม่ทีมและเป็นคนติดต่อรับงานมาอีกทอดจากออร์แกไนซ์ที่กรุงเทพฯ โดยอาจารย์แจ้งว่าผู้ที่ติดต่อมาบอกแค่ว่าเป็นงานแต่งของเจ้าสาวซึ่งเป็นคนบุรีรัมย์ และเจ้าบ่าวเป็นเศรษฐีจากต่างประเทศ เป็นงานที่ใหญ่หากรับจัดจะให้ค่าจ้าง 300,000 บาท
ส่วนทีมออร์แกไนซ์กรุงเทพฯ รับงานมายอดเท่าไหร่ตนก็ไม่ทราบ ซึ่งในส่วนทีมออร์แกไนซ์ของอาจารย์มีคนร่วมทำงานทั้งหมด 20 คนรวมถึงตนเองด้วย ทำหน้าที่รับจัดตกแต่งดอกไม้ทั้งหมดภายในงาน ทั้งบริเวณงานตอนเช้าที่เป็นพิธีสงฆ์ รดน้ำสังข์ รวมถึงบริเวณงานเลี้ยงตอนเย็นด้วย ซึ่งภายในงานจะจัดเป็นดอกไม้สดทั้งหมด หลังเสร็จงานอาจารย์ซึ่งเป็นแม่ทีมได้รับเงินครบเรียบร้อยไม่ได้มีปัญหาอะไร กระทั่งมาทราบจากข่าวว่าเจ้าบ่าวไม่ยอมจ่ายค่าจัดงานแต่ง ทำให้เจ้าสาวต้องมารับผิดชอบเอง รู้สึกตกใจและสงสารเจ้าสาวที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
น.ส.ดวงฤทัยบอกอีกว่า ส่วนตนหลังจัดตกแต่งสถานที่เสร็จเรียบร้อยตามที่รับงานก็กลับไปพักผ่อน และรอไปเก็บของหลังเสร็จงาน จึงไม่ได้เจอตัวจริงทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเห็นเพียงในรูปถ่ายที่จัดในงานเท่านั้น ส่วนที่ตนออกมาโพสต์ชี้แจงเพราะเกรงสังคมจะเข้าใจผิดคิดว่าทีมงานที่อาจารย์รับงานมาได้ค่าจ้าง 2.6 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว ความจริงแล้วได้ค่าจ้าง 300,000 บาท และได้รับเงินครบ
แต่ในส่วนออร์แกไนซ์ทีมอื่นตนไม่ทราบ เพราะในงานจะมีหลายส่วน ทั้งพิธีกร นักดนตรี ขบวนขันหมาก ชุดวิวาห์ การแสดง และรายละเอียดอื่นๆ ที่ถูกจัดอย่างเป็นระบบ จึงไม่รู้ว่าค่าจ้างทั้งหมดเท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าเป็นงานแต่งที่ค่อนข้างอลังการมาก ในฐานะที่มีส่วนร่วมจัดงานก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ น.ส.ดวงฤทัยกล่าวในตอนท้าย
