ลำปาง/เชียงใหม่ - ตามดูให้เห็นกับตา..“โรงเรียนฝึกควาญและช้าง” ผสานวิถีวัฒนธรรมไทยสอนช้างน้อย-กำราบช้างเกเร ทั้งให้หมอบนั่ง หมอบนอน สวัสดี ยกขาหาหมอ ฯลฯ ป้อนปางช้างเพื่อการท่องเที่ยวทั่วไทย
สถาบันคชบาลแห่งชาติในพระอุปถัมภ์ฯ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ภายใต้การดูแลของ ออป. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้พัฒนาศูนย์ฝึกลูกช้างบ้านปางหละ เป็น “โรงเรียนฝึกควาญและช้าง” รับฝึกลูกช้างและควาญช้างจากปางช้างต่างๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อฝึกลูกช้างให้มีความอดทน แข็งแรง มีวินัย มีนิสัยที่ดีไม่ดุร้าย เชื่อฟังคำสั่งของควาญ และได้อยู่ใกล้ชิดกับสัตวแพทย์เพื่อดูแลจัดการเรื่องสุขภาพได้
นสพ.ดร.สิทธิเดช มหาสาวังกุล ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสัตวแพทย์ สถาบันคชบาล ได้เปิดเผยว่า การฝึกช้างอยู่คู่กับสังคมและวัฒนธรรมไทยมานาน เป็นการฝึกเพื่อที่จะให้ช้างอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ได้อย่างมีความสุขไม่มีปัญหา ไม่ได้ฝึกด้วยความอาฆาตเพื่อที่จะทารุณสัตว์ เป็นเหมือนการเอาลูกเอาหลานไปเข้าโรงเรียนอนุบาลเพื่อให้เป็นเด็กดีมีวินัย ได้เรียนรู้ในการปรับตัวอยู่ในสังคมได้
“ช้างเหล่านี้เป็นช้างบ้านหรือช้างเลี้ยงที่อยู่กับมนุษย์มาหลายต่อหลายรุ่นแล้ว ยิ่งเขาเป็นสัตว์ใหญ่มีพลังมาก ก็ยิ่งต้องได้รับการฝึกที่ถูกต้องเพื่อง่ายต่อการดูแลและการควบคุมไม่ให้เป็นอันตราย”
ที่สำคัญมากๆ คือ เมื่อเขาเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา ซึ่งเขาบอกอาการเจ็บป่วยให้หมอฟังไม่ได้อย่างคน เขาจึงต้องได้รับการฝึกเพื่อที่จะเรียนรู้ในการรับคำสั่งต่างๆ ให้สะดวกต่อการตรวจวินิจฉัยโรค เช่น การอ้าปากค้างไว้ การยกเท้า การหมอบ เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัยของสัตวแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษาด้วย
โรงเรียนฝึกควาญและช้างพัฒนามาจากศูนย์ฝึกลูกช้างบ้านปางหละ อ.งาว จ.ลำปาง มีนายสรวิชญ์ มายะ เป็นหัวหน้าโรงเรียน ปัจจุบันนี้มีควาญช้างชำนาญการเป็นครูฝึกทั้งหมด 7 คน ทำงานกันเป็นหมู่คณะภายใต้การควบคุมของนายสราวุธ พวงแก้ว
นายไกรสร เครือจันทร์ ควาญช้างผู้คร่ำหวอดในวงการเลี้ยงช้างมานานตั้งแต่สมัยยังเลี้ยงช้างทำไม้ เคยได้มีโอกาสเข้าไปทำไม้ในประเทศเพื่อนบ้านสมัยก่อนเป็นเวลาหลายปี ต่อมาได้มาเป็นครูฝึกและดูแลช้างที่ศูนย์บ้านปางหละ และได้ย้ายมาเป็นครูฝึกที่โรงเรียนฝึกควาญและช้างที่สถาบันคชบาลแห่งนี้ เปิดเผยว่า ลูกช้างที่นำมาฝึกที่นี่มีหลากหลายรูปแบบ
โดยหลักแล้วเรารับฝึกช้างตั้งแต่ยังเป็นช้างเด็กวัย 3 ขวบขึ้นไป ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะแยกช้างออกจากแม่เพื่อนำมาฝึกเหมือนเด็กๆ ที่ต้องไปเข้าโรงเรียน ก็มีกระจองอแงกันบ้าง เรามีวิธีการฝึกแบบประนีประนอม คือนำแม่ช้างมาด้วย แล้วค่อยๆ แยก มัดลูกช้างห่างออกจากแม่ช้างทีละน้อย และเพิ่มระยะห่างขึ้นเรื่อยๆ จนลูกช้างไม่ส่งเสียงหาแม่ช้างแล้ว
“ระหว่างนี้เราก็มีพิธีกรรมตามหลักคชศาสตร์ ซึ่งเป็นความเชื่อที่สืบต่อกันมา เป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของเราในการเลี้ยงช้าง เราทำพิธีอย่างถูกต้องทุกอย่าง เพื่อเป็นการสืบทอดและอนุรักษ์วัฒนธรรมการเลี้ยงช้างที่สวยงามนี้ไว้”
นอกจากช้างเด็กแล้ว ที่นี่ยังรับฝึกช้างเกเร หรือช้างดื้อที่เคยผ่านการฝึกจากที่อื่น เช่นฝึกจากควาญที่ฝึกกันเอง หรือเคยฝึกมาแล้ว แต่เจ้าของนำไปขายหรือไปทำงานกับปางช้างบางแห่งที่ละเลยขนบธรรมเนียมการเลี้ยงช้างแบบไทยของเราไป ไม่ใช้อุปกรณ์ในการควบคุมช้าง เช่น ตะขอ หรือโซ่ เพื่อหวังผลทางการตลาดในกลุ่มของพวกที่ไม่เข้าใจการเลี้ยงช้าง ซึ่งดูเหมือนจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าเป็นห่วง
“ช้างพวกนี้จะเกเรก้าวร้าว เหมือนเด็กที่ห่างไม้เรียวครู บางครั้งถึงกับอาละวาดทำร้ายนักท่องเที่ยวหรือควาญช้างมาแล้ว ซึ่งบางรายถึงกับเป็นเหตุให้เสียชีวิต เขาก็จะส่งช้างมาให้เราปรับพฤติกรรมให้ บางคนก็ยกให้ทางเราไว้เลยเพราะเลี้ยงเองไม่ไหวแล้ว เนื่องจากช้างดุสาเหตุจากการเลี้ยงการดูแลที่ไม่ถูกต้อง”
ส่วนช้างอีกประเภทที่มีการนำมาฝึกที่นี่ก็คือ ช้างโตแล้ว ผ่านวัยเด็กมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้รับการฝึกมาก่อนเลย ช้างพวกนี้ค่อนข้างฝึกยาก เจ้าของส่งมาเพราะมีปัญหาเรื่องพฤติกรรม และยากต่อการไปหาสัตวแพทย์เมื่อช้างไม่สบาย สัตวแพทย์ก็เข้าหาช้างยากและช้างก็ทำตามคำสั่งต่างๆ ไม่เป็นเพราะไม่เคยเรียนรู้มาก่อน จึงต้องส่งมาเรียนเมื่อตอนโตแล้ว
นายไกรสรกล่าวอีกว่า การเป็นครูฝึกช้างและควาญเป็นเหมือนการปิดทองหลังพระ คนมองไม่ค่อยเห็น แต่เป็นงานที่มีคุณค่า เพราะเป็นงานที่เกี่ยวกับช้าง ซึ่งเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของประเทศไทยของเรา
นายแดง แก่นคำ ครูฝึกช้างเก่าแก่ที่ทำงานนี้มายาวนานกว่ายี่สิบปีแล้ว บอกว่า การฝึกลูกช้างที่นี่จะเป็นการฝึกพื้นฐานต่างๆ เพื่อให้เขาออกไปใช้ชีวิตไปทำงานต่อไปได้อย่างมีความสุข เข้ากับหมู่-กลุ่มและมนุษย์ได้ แต่ไม่ได้มีหลักสูตรตายตัวแน่นอน ขึ้นอยู่กับนิสัยของช้างแต่ละเชือกว่ามีพฤติกรรมอย่างไร แต่หลักๆ แล้วเราจะมีการสร้างความคุ้นเคยกับช้างก่อน โดยจะมีควาญช้างที่เดินทางมาที่นี่กับช้างน้อยด้วย เราสอนทั้งช้างและควาญช้างไปพร้อมๆ กัน เรียนรู้และสร้างความคุ้นเคยไปด้วยกัน เพราะช้างเขาจะเชื่อฟังและไว้ใจควาญมากๆ
หลักสูตรพื้นฐานของเราสอนตั้งแต่การใช้งวงหยิบจับสิ่งของ ฝึกการจับไม้ การดันและลากซุง หรือแม้กระทั่งการใช้ปลายงวงหยิบจับสิ่งของเล็กๆ การฝึกหยิบของนั้นฝึกทั้งในท่ายืนเก็บและท่าหมอบเก็บ มีการฝึกให้แม้บ คือการฝึกให้ช้างหมอบ มีทั้งหมอบนั่งและหมอบนอน ซึ่งการฝึกท่านี้นั้นก็เพื่อที่จะให้สัตวแพทย์สะดวกในการตรวจรักษาช้างนั่นเอง
“เราจะสอนทั้งควาญและฝึกช้างไปในคราวเดียวกัน ช้างก็ฝึกทำตามคำสั่งของควาญ ควาญก็เรียนรู้การควบคุมช้างอย่างมีเมตตา ไม่ทารุณเขา”
นอกจากนี้ก็มีการฝึกยกเท้า ยกขา เพื่อส่งให้ควาญขึ้นนั่งบนคอช้างได้อย่างสะดวก มีการฝึกเขาไปหาหมอคือฝึกการถูกมัดเพื่อตรวจสุขภาพเพื่อความปลอดภัยของสัตวแพทย์และทีมงาน ฝึกถูกโดนล้วงทวารหนักเพื่อการตรวจอาการและช่วยกรณีที่ช้างมีปัญหาระบบขับถ่าย ซึ่งอาจทำให้ช้างท้องอืดจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งถ้าช้างไม่เคยฝึกมาก็จะไม่ยอมให้รักษาหรือตรวจได้เลย รวมทั้งอาจจะทำร้ายสัตวแพทย์ได้ และยังมีการฝึกอ้าปากค้างเพื่อให้สะดวกในการตรวจสุขภาพ ฝึกให้ช้างย่อขาหน้าสวัสดี ฝึกจับหมวกเพื่อใส่ให้ควาญ เผื่อที่ช้างไปทำงานในธุรกิจท่องเที่ยวจะได้ดูน่ารักเป็นที่รักและชอบใจของนักท่องเที่ยวอีกด้วย
นายก้องเกียรติ ก้อใจ หนึ่งในทีมครูฝึกของโรงเรียนฝึกควาญและช้าง กล่าวว่า เราสอนอย่างค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่มีการเร่งเพื่อให้ช้างเป็นเร็วๆ เราใช้ทั้งวิธีการฝึกแบบสมัยก่อนของไทยเราและประยุกต์ใช้อุปกรณ์-กลวิธีในการฝึกช้างแบบสมัยใหม่เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งก็ได้ผลดีเช่นกัน มีการให้รางวัลเมื่อช้างทำตามคำสั่งได้ และมีการลงโทษเมื่อทำผิด หรือบางครั้งช้างก็ก้าวร้าวเกเร
“ด้วยความที่เขาเป็นสัตว์ใหญ่มีกำลังมาก ก็ต้องใช้อุปกรณ์ในการควบคุมอย่างเช่นตะขอ หรือโซ่บ้าง เปรียบเสมือนการใช้ไม้เรียวกับเด็กนักเรียนนั่นเอง แต่เราทำไปด้วยความรักและหวังดีต่อช้าง เราทำงานตรงนี้เราก็รักและผูกพันกับช้างไม่น้อยกว่าใครแน่นอน”
ด้านนางวาสนา ทองสุข ชัยเลิศ เจ้าของปางช้างแม่แตง ปางช้างใหญ่ในเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ช้างของเราทุกเชือกที่เกิดในปาง 20 กว่าเชือก หลังจากการหย่านมและอยู่ในวัยที่ต้องเรียนรู้จะถูกส่งไปฝึกที่โรงเรียนฝึกควาญและช้างที่ลำปาง พร้อมควาญประจำตัวช้าง เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวช้าง ควาญ และนักท่องเที่ยว และที่สำคัญเพื่อให้สัตวแพทย์สามารถช่วยเหลือช้างได้ในยามช้างเจ็บป่วย
ซึ่งช้างที่ส่งไปฝึก จากเดิมนิสัยเหมือนเด็กที่ยังติดแม่ จะคอยวิ่งเล่นซุกซนและมีนิสัยค่อนข้างเกเร ชอบวิ่งเข้าชนควาญหรือผู้คนที่อยู่ใกล้ บางทีก็จะเตะทุกคนที่อยู่ใกล้ตัว จำเป็นต้องถูกมัดล่ามติดไว้กับแม่หรือต้องให้อยู่ในคอกกั้นตลอดเวลา พอถูกส่งไปฝึกมาแล้วจะกลายเป็นช้างที่นิสัยดีขึ้น ไม่วิ่งซุกซนไปมา สามารถรับฟังคำสั่งของพี่ควาญได้ เช่น ให้หยุด ให้นอนลง หรือให้ยกขา ฯลฯ
“สิ่งเหล่านี้จำเป็นมากที่ช้างจะต้องเรียนรู้เพราะจะมีผลเวลาเขาเจ็บป่วยจะต้องได้รับการรักษา และที่สำคัญคือเราต้องการที่จะสืบทอดและรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมการเลี้ยงช้างตามวิถีวัฒนธรรมช้างไทยที่มีสืบทอดกันมายาวนาน เป็นภูมิปัญญาที่ทรงคุณค่า เพราะเมืองไทยเราแทบจะเป็นประเทศเดียวที่มีการฝึกช้างอย่างเป็นระบบ ช้างไทยเราได้รับการดูแลที่ดี เพราะควาญช้างได้เรียนรู้ที่จะดูแลช้างได้เป็นอย่างดี รักและผูกพันกับช้างเพราะเขาเรียนรู้คู่กันมา ทำให้ช้างได้รับการดูแลที่ดี มีสุขภาพดี มีสวัสดิภาพที่ดีขึ้นด้วย”
ช้างและควาญช้างคือความผูกพันที่อบอุ่นและล้ำลึก พวกเขาอยู่กันแบบเพื่อน พี่ น้อง ต้องดูแลกันตลอดไป โรงเรียนฝึกควาญและช้างแห่งนี้คือที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ทั้งกับควาญและช้าง เพื่อที่จะสืบสานขนบวิถีวัฒนธรรมการเลี้ยงช้างไทยให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไปตราบกาลนาน
ทั้งนี้ นอกจากโรงเรียนฝึกควาญและช้างแล้ว ที่สถาบันคชบาลยังมีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ทั้งการแสดงของช้างแสนรู้ และมีกิจกรรมฝึกหัดควาญช้างเบื้องต้นสำหรับผู้สนใจ มีที่พักหลากหลายรูปแบบ หรือจะเยี่ยมชมโรงพยาบาลช้างเพื่อให้กำลังใจสัตวแพทย์และเยี่ยมช้างป่วยได้ สอบถามรายละเอียดที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-5482-9322 และ 0-5482-9333 หรือ e-mail : info@thailandelephant.org เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.thaielephant.org