มหาสารคาม-อีกแล้ว! รายที่ 2 ของ จ.มหาสารคาม ประทัดลูกบอลระเบิดใส่มือขวาเด็ก 10 ขวบนิ้วมือเละขาดถึง 4 นิ้ว แพทย์เตือนแผลระเบิดจากประทัดรักษายาก ผู้ปกครองเศร้าประทัดทำให้เด็กพิการ วอนร้านค้าหมู่บ้านหยุดขาย
วันนี้ (2 ต.ค. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตึกอุบัติเหตุ โรงพยาบาลมหาสารคาม ได้รับตัว ด.ช.สุรศักดิ์ แข็งฤทธิ์ อายุ 10 ขวบ ถูกประทัดระเบิดใส่มือเข้ามารับการรักษาบาดแผล หลังจากรับผู้บาดเจ็บเข้าหอผู้ป่วยได้เปิดดูสภาพแผลของเด็ก พบว่านิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางฉีกขาด ตามร่างกายและใบหน้ามีบาดแผลถลอกจากการถูกสะเก็ดระเบิด ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยและนำส่งห้องผ่าตัดเพื่อทำความสะอาดและตกแต่งบาดแผลในห้องปลอดเชื้อเป็นการด่วน
นายแพทย์ เอกภพ ภัทรพงศานติ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูกและข้อ โรงพยาบาลมหาสารคาม เปิดเผยว่า แผลจากการถูกประทัดมีความรุนแรง และการรักษาค่อนข้างยาก เนื่องจากบาดแผลจะมีเขม่าดินระเบิดจับอยู่จำนวนมาก ส่วนใหญ่อยู่ที่ปลายนิ้ว ทำให้ต้องตัดนิ้วและเนื้อที่ตายออกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยอวัยวะส่วนปลายที่นิ้วมือต้องตัดออกทั้ง 4 นิ้วเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ผลจากการผ่าตัดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วนบาดแผลหลังการผ่าตัดพบว่าแผลแห้งดี มีอาการบวมเล็กน้อย แต่ยังไม่มีเนื้อตาย ทั้งนี้ บาดแผลที่เกิดจากการผ่าตัดจะเกิดพังผืด ซึ่งหลังจากบาดแผลดีขึ้นผู้ป่วยต้องได้รับการทำกายภาพบำบัดเพื่อไม่ให้เกิดการดึงรั้ง ให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้นิ้วมือได้ตามปกติ แต่การใช้นิ้วมือจะไม่เหมือนเดิมแน่นอน
ด้าน ด.ช.สุรศักดิ์กล่าวว่า วันเกิดเหตุได้ไปเล่นที่ท้ายหมู่บ้านพร้อมเพื่อนอีก 3 คน ได้ซื้อประทัดลูกบอลจากร้านค้าในหมู่บ้านราคาลูกละ 1 บาท ซื้อมา 1 ลูก และขอเพื่อนอีก 1 ลูก จากนั้นได้แกะดินปืนมาผสมกันใหม่ จากนั้นก็จุดชนวน ซึ่งกะว่าจะให้ประทัดไประเบิดบนฟ้า แต่กลับมาระเบิดใส่มือทำให้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเห็นแผลก็รู้สึกตกใจมาก เพื่อนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบขี่รถจักรยานยนต์มาส่งที่โรงพยาบาลชื่นชม
ด้านนางรำไพ แข็งฤทธิ์ อายุ 59 ปี ยายของน้องเบียร์ เล่าว่า วันเกิดเหตุหลานชายกลับมาจากโรงเรียน ตนได้ย้ำกับหลานว่าอย่าไปเล่นไกล หลานก็รับปาก เวลาผ่านไปไม่เกินครึ่งชั่วโมงตนได้รับโทรศัพท์จากทางโรงพยาบาลชื่นชมว่าหลานชายถูกประทัดระเบิดใส่มือจนนิ้วขาด เมื่อได้ยินดังนั้นตนถึงกับเข่าทรุดเพราะเคยเตือนหลานแล้วว่าอย่าไปเล่นของพวกนี้ ทั้งมีตัวอย่างตามข่าวให้เห็นแต่หลานก็ไม่เชื่อ คิดว่าเลี้ยงหลานอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้
ทั้งนี้ เมื่อเกิดเหตุเด็กที่เล่นด้วยกันพาขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงพยาบาลกันเองไม่ยอมมาบอกผู้ใหญ่ กว่ายายจะรู้เรื่องก็เมื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชื่นชมโทร.บอก จึงอยากฝากให้ทุกคนดูไว้เป็นตัวอย่าง อยากให้เหตุที่เกิดแก่หลานชายเป็นรายสุดท้ายที่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ที่สำคัญไม่อยากให้ร้านค้าหมู่บ้านนำประทัดมาขาย เพราะประทัดราคาแค่ลูกละ 1 บาท แต่สามารถทำลายอนาคตเด็กจนกลายเป็นคนพิการได้