xs
xsm
sm
md
lg

สภาลมหายใจเชียงใหม่ยื่นแผนแก้ปัญหาฝุ่นควันให้กับมือ “บุญเลิศ” รับปาก อบจ.หนุนเต็มที่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “สภาลมหายใจเชียงใหม่” จัดประชุมขับเคลื่อนความร่วมมือป้องกันแก้ไขปัญหาฝุ่นควันและมลพิษอากาศอย่างยั่งยืน “บุญเลิศ” นายก อบจ.เชียงใหม่ ร่วมเวทีพร้อมรับหนังสือข้อเสนอแนะและแผนการทำงาน เบื้องต้นรับปากสนับสนุนเต็มที่

วันนี้ (30 ก.ย.) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ สภาลมหายใจเชียงใหม่ ซึ่งก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวกันขององค์กรต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 30 องค์กร ทั้งภาคประชาชน, ภาคเอกชน และภาควิชาการ จัดการประชุมและแถลงข่าวเรื่องการพัฒนาความร่วมมือและการสนับสนุนสภาลมหายใจเชียงใหม่ เพื่อการขับเคลื่อนพื้นที่ปฏิบัติการ 30 ตำบลนำร่องใน 25 อำเภอ จัดการ “โครงการชุมชน ดินน้ำป่า อากาศยั่งยืน” เพื่อลดฝุ่นควัน ภายใต้การสนับสนุนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมพร้อมรับหนังสือข้อเสนอเกี่ยวกับการป้องกันแก้ไขปัญหาคุณภาพอาหารและฝุ่นควันของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว จากนายชัชวาล ทองดีเลิศ ตัวแทนสภาลมหายใจเชียงใหม่

ทั้งนี้ เนื้อหาหนังสือระบุว่า “โครงการชุมชน ดินน้ำป่า อากาศยั่งยืน” เป็นการดำเนินการจัดทำแผนบูรณาการในพื้นที่ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการพื้นที่รูปธรรมในการจัดการลดฝุ่นควันในระยะยาว 30 ตำบล ที่ร่วมดำเนินการโดยสภาองค์กรชุมชนตำบลและเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์นำร่องใน 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ มุ่งเน้นให้เกิดการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานราก ปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตเพื่อลดฝุ่นควัน โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมของชุมชนในทุกมิติ, การจัดการที่ดินทำกิน สิทธิทำกิน, การปลูกไม้เศรษฐกิจในพื้นที่ทำกินในชุมชนในเขตป่า, การจัดระบบสวัสดิการชุมชนเพื่อคุณภาพชีวิตประชากรทุกกลุ่มทุกวัย และการสร้างความตระหนักถึงปัญหาฝุ่นควัน และการเตรียมตัว เตรียมบ้าน ให้พร้อมเผชิญภาวะฝุ่นควัน โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก และผู้สูงอายุ

โดยขอรับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดในเรื่องต่างๆ ได้แก่ การจัดทำแผนบูรณาการของชุมชนในการแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน, การสนับสนุนการดำเนินการปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตการใช้นวัตกรรมการผลิตลดฝุ่นควัน, การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำแนวกันไฟ การชิงเผา การดับไฟ, การจัดทำระบบเตือนภัยมลพิษฝุ่นควันในระดับตำบลและสร้างอาสาสมัครเตือนภัยฝุ่นควัน, การจัดทำข้อมูลปัญหามลพิษฝุ่นควันและการป้องกันตนเองจะทำเอกสารความรู้เพื่อเผยแพร่ให้แก่ทุกชุมชน และดำเนินการสื่อสารสาธารณะเพื่อสร้างความตระหนักร่วมของคนเชียงใหม่เรื่องผลกระทบจากฝุ่นควันและมลพิษอากาศ จัดกิจกรรมเชื่อมประสานระหว่างคนบนดอยคนในป่ากับคนในเมือง จัดกิจกรรมลดฝุ่นควันในเมือง การหยุดใช้รถเพื่อลดมลพิษ Car Free Day กิจกรรมเทศกาล Countdown ก่อนฤดูฝุ่นควัน เป็นต้น

นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการประเมินยอมรับว่าสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าและค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กของจังหวัดเชียงใหม่ในปีนี้อาจจะมีแนวโน้มที่รุนแรงกว่าปีที่ผ่านๆ มาอย่างแน่นอน เห็นได้จากสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เพิ่มสูงเกินมาตรฐานแล้วเร็วกว่าปกติของทุกปี อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะเตรียมการ และร่วมมือกับทุกภาคส่วน รวมทั้งสภาลมหายใจเชียงใหม่อย่างเต็มที่เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหานี้

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่บอกด้วยว่า เบื้องต้นได้รับข้อเสนอของสภาลมหายใจฯ ที่จะนำไปใช้ในการวางแผนและทำงานร่วมกัน โดยมั่นใจว่าข้อเสนอต่างๆ นั้นทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่สามารถทำได้ทันเกินครึ่งอย่างแน่นอน และทุ่มเทศักยภาพทุกอย่างที่มีเพื่อเรื่องนี้ สำหรับการเตรียมการพร้อมรับสถานการณ์นั้น เวลานี้ได้สั่งซื้อเครื่องวัดคุณภาพอากาศเตรียมไปติดตั้งในจุดที่มีความจำเป็นและจุดเสี่ยงที่คนในพื้นที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนให้ครบทุกจุด เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือโรงเรียนต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ เตรียมจัดซื้อเครื่องเป่าลมอเนกประสงค์ สำหรับเป็นเครื่องมืออุปกรณ์ให้เจ้าหน้าที่ดับไฟใช้ พร้อมกับการจัดทำฝายชะลอน้ำเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น และการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำ ซึ่งจะช่วยป้องกันแก้ไขปัญหาระยะยาว

ด้านนายชัชวาล ทองดีเลิศ ตัวแทนสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหายังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้แต่ระเบียบอำนาจกฎหมายสั่งการและไล่จับกุมชาวบ้าน โดยจะเห็นได้ว่าช่วง 12 ปีที่ผ่านมาปัญหาไม่ได้คลี่คลายลงและรุนแรงมากขึ้น จนคนเชียงใหม่รู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่มากขึ้นทำให้ทนไม่ได้ นำมาสู่การเกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายจากทุกภาคส่วนรวมตัวกันขึ้นมาเพื่อผลักดันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา โดยมองว่ากระบวนการสำคัญในเวลานี้คือต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการแก้ไขปัญหาที่ไม่ใช่แค่ลดการเผาอย่างเดียว แต่มันยังสัมพันธ์กับวิถีชีวิตต่างๆ ที่จะต้องแก้ทั้งระบบให้เห็นผลระยะยาวและยั่งยืน ด้วยการเอาทุกฝ่ายมาร่วมกันแก้ไขปัญหา หลักการสำคัญไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองและทุกฝ่ายมาร่วมกัน โดยใช้ข้อมูลข้อเท็จจริงจากพื้นที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในฐานะที่ต่างคนต่างมีส่วนในการก่อให้เกิดปัญหา
กำลังโหลดความคิดเห็น