พระนครศรีอยุธยา - ระทึก! รถบรรทุกเอทานอล 4 หมื่นลิตรพลิกคว่ำบนถนนพหลโยธิน เกิดไฟลุกท่วม ลุกลามไปติดรถบรรทุกที่จอดขายเสียหายอีก 5 คัน เสียหายกว่า 10 ล้านบาท ส่งผลทำให้การจราจรติดขัดยาวกว่า 3 กิโลเมตร
วันนี้ (27 ก.ย.) พ.ต.ต.เนติภูมิ โคตรศรี พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำจนมีไฟลุกท่วม เหตุเกิดบนถนนพหลโยธินขาเข้ากรุงเทพฯ หน้าบริษัท ส.ทัศทอง จำกัด ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 76 ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงประสานรถดับเพลิงจำนวนหลาย 10 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิพุทไธสวรรย์เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุถนนช่องทางคู่ขนานขาเข้า พบรถบรรทุกเอทานอล หัวลากกึ่งพ่วงวัตถุอันตราย 22 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียนตัวแม่ 70-4036 ตาก หมายเลขทะเบียนตัวลูก 70-4037 ตาก ของบริษัทแม่สอดโลจิสติกส์ โซลูชั่น จำกัด พลิกคว่ำตะแคงซ้าย เพลิงกำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่รถดับเพลิงช่วยกันระดมฉีดน้ำ และโฟมดับเพลิง ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ ส่งผลทำให้การจราจรติดขัดยาวกว่า 3 กิโลเมตร
จากการสอบถาม นายวิโรจน์ แก้วเกตุ อายุ 47 ปี ผู้ขับขี่ บ้านเลขที่ 69/1 หมู่ที่ 11 ตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี เจ็บเล็กน้อยที่มือซ้าย กล่าวว่า ตนได้ขับรถบรรทุกเอทานอล แปลงสภาพนำไปใช้ผสมน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 4 หมื่น 2 พันลิตร มาจากจังหวัดศรีสะเกษ โดยวิ่งมาบนถนนพหลโยธินช่องทางหลัก เพื่อมุ่งหน้าไปส่งให้ลูกค้าที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ในขณะที่ขับมาถึงจุดเกิดเหตุ รู้สึกล้อรถหน้าด้ายซ้ายแข็ง ดึงพวงมาลัยกลับไม่ได้ ตนจึงได้พยายามชะลอรถเพื่อจะจอดชิดริมถนนแต่รถบังคับไม่ได้ทำให้พุ่งตกร่องกลาง ข้ามไปฝั่งถนนคู่ขนานเสียหลักพลิกคว่ำ แล้วทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ตนต้องทุบกระจกเพื่อหนีตายออกมา
ทั้งนี้ ไฟที่ลุกไหม้ยังได้ลามไปติดรถยนต์ที่อยู่ภายในบริษัท ส.ทัศทอง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายรถโม่ปูนทั้งมือ 1 มือ 2 ที่จอดอยู่ด้านในได้รับความเสียหายจำนวน 5 คัน โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวผู้ขับขี่รถบรรทุกน้ำมันไปสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง รวมถึงแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนความเสียหายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ส่วนการจราจรเจ้าหน้าที่กำลังเร่งเคลียร์พื้นผิวจราจรให้เร็วที่สุด เพื่อให้กลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างเร่งด่วนในขณะนี้
