ชัยนาท - โอละพ่อ! เหตุโจรกรีดแขนหญิงสาวแล้วจี้สร้อยทอง ที่แท้สาวป่วยจิต ซื้อคัตเตอร์กรีดแขนตัวเอง แล้วกุเรื่องถูกทำร้าย พบเป็นคนเดียวกันที่เคยก่อเหตุจะกระโดดเขื่อนเจ้าพระยา ฆ่าตัวตาย แต่กู้ภัยช่วยชีวิตไว้ทัน
วันนี้ (26 ก.ย.) จากกรณีที่หญิงสาว อายุ 26 ปี ชาวจังหวัดชัยนาท ได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ว่าถูกคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาประกบข้างรถจักรยานยนต์ของเธอ ขณะขี่รถเข้าไปในซอยเปลี่ยว ข้างรั้วห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งกลางเมืองชัยนาท แล้วถูกคนร้ายใช้มีดคัตเตอร์กรีดแขนขวาได้รับบาดเจ็บเย็บ 5 เข็ม และถูกจี้ชิงสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงไป 1 เส้น เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 25 ก.ย.62 ที่ผ่านมา
ล่าสุด หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท และตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดชัยนาท ได้กระจายกำลังออกสืบสวนสอบสวนเพื่อหาเบาะแสคนร้าย แต่ก็ไม่พบคนร้ายตามคำให้การ แต่ไปพบใบมีดคัตเตอร์ และกระดาษบรรจุใบมีด ถูกทิ้งอยู่ริมถนนในซอยที่หญิงสาวอ้างว่าเป็นจุดเกิดเหตุ จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้ไปตรวจสอบร้านสะดวกซื้อต่างๆ พบว่า หญิงสาวผู้เสียหายได้เป็นคนไปซื้อมีดคัตเตอร์ที่ร้านสะดวกซื้อบริเวณตลาดภาษีซุง ตำรวจจึงเรียกหญิงสาว พร้อมกับมารดา มาเค้นสอบปากคำอีกครั้ง
หลังสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง ในที่สุด หญิงสาวซึ่งอยู่ในอาการเครียด ก็ยอมรับสารภาพว่า ใช้มีดทำร้ายตัวเองแล้วกุเรื่องว่าถูกจี้ชิงทรัพย์ โดยเอาสร้อยคอทองคำไปจำนำที่ร้านทองบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท ในราคา 9,000 บาท จากนั้นได้ไปซื้อกาแฟ 1 กระป๋อง และมีดคัตเตอร์ 1 เล่ม ที่เซเว่น แล้วนำเงินที่เหลือไปทิ้งถังขยะ แต่จำไม่ได้ว่าทิ้งเงินไว้จุดไหน จากนั้นขี่รถไปบริเวณซอยดังกล่าว แล้วใช้มีดคัตเตอร์ที่ซื้อมากรีดแขนตัวเอง แล้วขี่รถไปให้หมอทำแผลที่โรงพยาบาล
ขณะที่มารดาของหญิงสาว กล่าวว่า ลูกสาวมีอาการป่วยทางจิตเวชมานานกว่า 2 ปีแล้ว และกินยารักษาอาการอยู่ ซึ่งลูกสาวมักจะมีอาการเครียดบ่อยครั้ง และมักจะก่อเหตุทำร้ายตัวเองเพื่อเรียกร้องความสนใจ โดยเมื่อวันที่ 16 ก.พ.62 ก็เคยก่อเหตุออกไปยืนบนตอม่อเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อจะฆ่าตัวตาย แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยชีวิตไว้ได้ทัน
พ.ต.อ.ชัชพิมุข มีมุข ผกก.สภ.เมืองชัยนาท เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติของหญิงสาว พบว่า มีอาการป่วยทางจิตเวช เป็นคนไข้ของโรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ โดยมีอาการซึมเศร้า และมักจะเรียกร้องความสนใจจากแม่ของตนเองมาโดยตลอด รวมทั้งเคยก่อเหตุจะกระโดดสันเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่ง
ซึ่งจากคำให้การ หญิงสาวบอกว่า นำสร้อยคอทองคำที่แม่ซื้อให้ไปจำนำที่ร้านทอง ในราคา 9,000 บาท แต่ไม่ได้บอกว่าจะนำเงินไปทำอะไร และอ้างว่านำเงินที่จำนำทอง กับตั๋วจำนำไปโยนทิ้งถังขยะแล้ว ส่วนที่ก่อเหตุทำร้ายตัวเองและกุเรื่องถูกชิงสร้อยทอง ก็เพราะกลัวว่าเมื่อกลับไปบ้านแล้วไม่มีสร้อยทอง จะถูกแม่ดุด่า จึงได้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
เบื้องต้น ตำรวจยังไม่ได้ดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จต่อหญิงสาว โดยได้ส่งตัวหญิงสาวไปให้แพทย์โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ ทำการวินิจฉัยสภาพจิต ว่าขณะก่อเหตุสามารถรับรู้หรือบังคับตัวเองได้หรือไม่ หากแพทย์วินิจฉัยว่ามีอาการป่วยควบคุมตัวเองไม่ได้ ตำรวจก็ไม่สามารถดำเนินคดีทางอาญาได้