ศูนย์ข่าวศรีราชา - พิพากษาประหาร “เสี่ยอ้วน” พร้อมพวก คดีร่วมฆ่า "สปาย-ฟอส" 2 วัยรุ่น หน้าลานจอดรถเขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี พร้อมให้ร่วมชดใช้ครอบครัวผู้เสียหายรายละ 7.3 ล้านบาท
จากเหตุการณ์สุดช็อก คนร้ายจ่อยิง 2 หนุ่มสาวหน้าลานจอดรถองค์พระพุทธรูปแกะสลักเขาชีจรรย์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จนเสียชีวิตเมื่อเดือน ก.ค.2561 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุม นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ “เสี่ยอ้วน” เจ้าของผับดังหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต พร้อมพวกรวม 6 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุนั้น
วันนี้ (18 ก. ย.) ศาลจังหวัดพัทยา ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ “เสี่ยอ้วน” พร้อมพวกรวม 6 คน ที่ร่วมกันฆ่า น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือน้องสปาย อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือฟอส อายุ 21 ปี โดยได้พิพากษาประหารชีวิต นายปัญญา ยิ่งดัง หรือเสี่ยอ้วน กับพวก และแบ่งการลงโทษออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ลงมือฆ่า ประกอบด้วย นายปัญญา หรือเสี่ยอ้วน นายกฤษณะ หรือมด ศรีสุข อายุ 22 ปี และนายณรงค์ หรือบ่าว วรินทรเวช อายุ 23 ปี แต่จำเลยทั้ง 3 ให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต
ส่วน นายสายันต์ มือชี้เป้า ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือจำคุก 50 ปี ขณะที่ นายเกียรติศักดิ์ หรือบอนด์ สุรางค์สว่างแสงมีบุญ อายุ 35 ปี และนายจิรศักดิ์ หรือป๊อปปี้ อุนัยบัน อายุ 34 ปี จำเลยที่ 3 และ 6 ศาลพิพากษาจำคุกคนละ 24 ปี แต่ให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษเหลือคนละ 12 ปี
พร้อมกันนี้ ได้ให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันจ่ายเงินให้แก่ครอบครัว น้องสปาย จำนวน 7,312,000 บาท และน้องฟอส จำนวน 7,320,000 บาท
ด้าน นางวันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่ของสปาย ที่เข้ารับฟังคำพิพากษาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกพอใจกับคำตัดสินของศาลพัทยา ซึ่งขณะนี้ตนเองและครอบครัวไม่ติดใจอะไร เพราะเมื่อเข้าไปคำพิพากษาเห็นว่า “เสี่ยอ้วน” ได้ยกมือขอโทษแต่ก็ไม่อยากที่จะพูดอะไรอีก
ทั้งนี้ คดีสะเทือนขวัญดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ก.ค.2561 หลังกลุ่มคนร้ายได้ดักยิงน้องสปาย และน้องฟอส จนเสียชีวิตขณะกำลังเดินขึ้นรถ ซึ่งทั้งคู่ได้เดินทางมาเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่ จ.ชลบุรี และจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ผู้วางแผนคือ นายปัญญา หรือ “เสี่ยอ้วน” โดยมีสาเหตุมาจากเรื่องชู้สาว เนื่องจาก เสี่ยอ้วน มีความสัมพันธ์กับ น้องสปาย แต่แอบรู้ภายหลังว่า น้องสปาย แอบคบกับ นายฟอส จึงเกิดความอาฆาตแค้น
และก่อนวันเกิดเหตุเพียง 2 วัน “เสี่ยอ้วน” ได้เดินทางจากสนามบินภูเก็ตมาลงที่สนามบินอู่ตะเภา ก่อนนัดกับทีมสังหารให้ลงมือก่อเหตุก่อนจะหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชา ทางด่านชายแดน จ.สระแก้ว จึงได้ประสานตำรวจกัมพูชาจับกุม
จากการสอบสวน “เสี่ยอ้วน” รับว่า ได้ลงมือก่อเหตุเพราะแค้นใจที่ถูก สปายและฟอส หลอกลวงมาตลอด 3 ปีว่าเป็นพียงเพื่อนสนิทกันทั้งที่ทั้งคู่คบหากัน จนต้องการล้างแค้นเพราะได้โอนเงินให้สปายและครอบครัวเป็นค่าเลี้ยงดูรวม 7 ล้านบาท ซึ่ง "เสี่ยอ้วน" และทีมสังหารถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจังหวัดชลบุรี ระหว่างการพิจารณาคดีโดยศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว