แม่ฮ่องสอน - เกษตรกรชาวไร่ข้าวโพดแม่ฮ่องสอนพากันหอบยาฆ่าหญ้ายี่ห้อดังขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวันกันโดนเรียกค่าเสียหาย..ระบุบริษัทเอกชนขนมาขายผ่อนให้ แต่พ่นแล้วหญ้าไม่ตาย
วันนี้ (16 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิศาลส์ กระแสเงินดี อยู่บ้านเลขที่ 25/2 หมู่ที่ 2 ต.แม่ศึก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ต.แม่อูคอ ต.ขุนยวม ได้พากันนำแกลลอนบรรจุยากำจัดวัชพืช ยี่ห้อไกลโฟเซต-ไอโซโพรพิลแอมโมเนียม และพาราควอตไดคลอไรด์ ของบริษัทเอกชนรายหนึ่ง แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน9jv พ.ต.ท.ชาญวิทย์ ธรรมรัตน์ รอง ผกก.สภ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อป้องกันบริษัทเรียกร้องสิทธิ์ทีหลัง
เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้นำเอายาปราบวัชพืช ยี่ห้อไกลโฟเซต และพาราควอต จำนวน 1,500 แกลลอน ขายผ่อนแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดใน ต.แม่อูคอ และ ต.ขุนยวม ราคาแกลลอนละ 650 บาท และ 520 บาท พร้อมทำสัญญาตกลงกันว่าจะมาเก็บเงินภายหลังก็ต่อเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวโพดเรียบร้อยแล้ว
หลังจากเกษตรกรได้ยาปราบวัชพืชแล้วก็นำไปฉีดพ่นวัชพืช ปรากฏว่าไม่ได้ผลตามที่ต้องการ พ่นแล้วหญ้าไม่ตายเลย เพียงแต่มีสีเหลืองครึ่งใบเท่านั้น ไม่ลงถึงโคนและรากหญ้า จึงทำให้หญ้าไม่ตาย ทั้งที่ปกติที่เคยใช้พ่นครั้งเดียวภายใน 3 วันหรือหนึ่งอาทิตย์หญ้าก็จะตายหมด แต่คราวนี้หญ้าไม่เป็นอะไรเลย ทางเกษตรกรก็ได้แจ้งไปทางบริษัทให้มานำยาดังกล่าวกลับคืนไปเนื่องจากใช้ไม่ได้ผล เมื่อทางบริษัทได้รับแจ้งก็ได้เดินทางมารับยาคืนไปจำนวน 1,000 แกลลอน
ต่อมา พ.ต.ท.ชาญวิทย์ ธรรมรัตน์ รอง ผกก.สภ.ขุนยม ได้เชิญเจ้าหน้าที่นักวิชาการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอขุนยวมมาร่วมตรวจสอบพร้อมเป็นพยานด้วย แต่เจ้าหน้าที่การเกษตรก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นยาปลอมหรืออย่างไร จะต้องส่งพิสูจน์ยังศูนย์วิชาการการเกษตรถึงจะได้รู้ว่าเป็นยาปลอม หรือมีส่วนผสมอย่างไร ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นยาปลอมหรือไม่ และไม่สามารถดำเนินคดีใครได้
นายวิศาลส์กล่าวต่อหน้าตำรวจว่า พวกเราไม่ได้กล่าวหาใคร อีกทั้งไม่ได้ระบุว่ายาดังกล่าวเป็นยาปลอม เพียงแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ซึ่งในเมื่อยานี้ใช้ไม่ได้ผล พวกตนก็จำเป็นต้องจัดหาซื้อร้านอื่นหรือยี่ห้ออื่นมาทำการฉีดพ่นต่อไปเนื่องจากว่าจำเป็นต้องใช้
สำหรับบริษัทดังกล่าวยังสร้างความเดือดร้อนให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเกือบทุกอำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน และทราบว่ามีการแจ้งความกันทุกอำเภอ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่ พวกตนไม่ได้เอาผิดหรือกล่าวหาใคร จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบผลการพิสูจน์จากเกษตรอำเภอแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่นักวิชาการการเกษตร ชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอขุนยวม ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้นำเอาหลักฐานแกลลอนยามามอบให้ทางเกษตร จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการพิสูจน์