เชียงราย - โครงการพัฒนา “อช.ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” หลังช่วย 13 หมูป่าฯ ยังไม่คืบ ครม.สัญจรเชียงรายรับหลักการจัดงบหนุนเกือบ 4 พันล้านตั้งแต่ตุลาฯ 61 จนถึงขณะนี้ได้แค่ 17 ล้าน ล่าสุดยังอยู่ระหว่างศึกษา-ทำทีโออาร์
ระหว่าง พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1, พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ที่ปรึกษา พร้อมคณะ เดินทางไปพบปะประชาชนพื้นที่ภาคเหนือที่ จ.เชียงราย และ จ.พะเยา โดยเริ่มต้นที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเชียงราย กลางสัปดาห์นี้ ส่วนหนึ่งของการประชุมได้มีการหยิบยกกรณีการพัฒนาพื้นที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ต.โป่งผา อ.แม่สาย ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดังไปทั่วโลก หลังเหตุการณ์ช่วย 13 หมูป่าฯ
นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 ที่เข้าร่วมให้ข้อมูลต่อที่ประชุมฯ กล่าวว่ารัฐบาลอนุมัติในหลักการพัฒนาอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ ผ่านการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่เชียงราย เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2561 เพื่ออนุมัติงบประมาณพัฒนาจำนวน 3,899.5 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการศึกษาและจัดทำกรอบการพัฒนาหรือทีโออาร์อยู่ ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับงบมาเพียง 17 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งก็ต้องดำเนินการกันต่อไป
พล.อ.สกนธ์ได้กล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของวุฒิสภาในปัจจุบันในการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนด้านต่างๆ ดังกล่าว จากนั้นระบุว่ากรณีการพัฒนาอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวงฯ ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะกลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนทั้งโลกรู้จัก ล่าสุดยังมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว ซึ่งก็จะทำให้ผู้คนยิ่งอยากไปเที่ยวกันอีกเป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมากลับไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเพียงพอ ยังอยู่ระหว่างทำทีโออาร์ ซึ่งถือว่าล่าช้าเกินไป จึงจะนำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อผลักดันอีกทาง
สำหรับปัญหาฝุ่นละอองและหมอกควันในพื้นที่ภาเคหนือที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก ทำให้ทุกฝ่ายจะต้องเข้ามาช่วยกันให้ความรู้และหาแนวทางป้องกันให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด เพราะการจะให้ปัญหาหมดไปจะต้องแก้ปัญหาแบบบูรณาการร่วมกันทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะแตกต่างจากหมอกควันคลุมภาคใต้ที่ปลิวมาจากต่างประเทศเป็นหลัก จึงเห็นว่าเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขแบบค่อยเป็นค่อยไป
