สระแก้ว - ทางการกัมพูชา ส่งคืนรถหรูป้ายแดงที่ถูกแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติหลอกเช่านำขายบริเวณแนวชายแดนให้เจ้าของแล้ว ระบุติดตามง่ายเพราะมีการติดตั้งระบบจีพีเอส ที่สามารถตรวจสอบเส้นทางได้ทันที ด้าน ผกก.ตม.สระแก้ว ชี้ที่ผ่านมา รถแจ้งหายโอกาสได้คืนน้อย
จากกรณีที่ นายจิรวัฒน์ เลิศกษิต อายุ 33 ปี เจ้าของและผู้จัดการบริษัท ทีพีเอสเอส จำกัด ซึ่งประกอบกิจการให้เช่ารถยนต์หรูในกรุงเทพมหานคร นำภาพถ่ายรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ศ 5084 กรุงเทพมหานคร พร้อมสำเนาแจ้งความ สน.คลองตัน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จ.สระแก้ว ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ช่วยติดตามรถยนต์ที่ถูกเช่าและนำรถออกนอกประเทศไปยังฝั่งกัมพูชา ผ่านช่องทางธรรมชาติ บ้านเนินสมบูรณ์ ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา
เนื่องจากตรวจพบระบบจีพีเอส ของรถบนเส้นทางดังกล่าว จนเชื่อว่ามีการลักลอบนำออกนอกประเทศ กระทั่ง ตม.สระแก้ว ได้ประสานไปยังทางการกัมพูชา เพื่อให้ช่วยตามยึดรถป้ายแดงกลับคืน พร้อมจับกุมผู้ต้องหาทั้งชาวกัมพูชา และหญิงไทยรวม 4 รายนั้น
วันนี้ (11 ก.ย.) นายจิรวัฒน์ เลิศกษิต เจ้าของรถผู้เสียหายได้เดินทางไปยังจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ เพื่อพบกับเจ้าหน้าที่ ตม. และเจ้าหน้าที่กัมพูชา โดยมีการประสานงานร่วมกับ พ.อ.ชุมเจตน์ นพเกตุ รองหัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 (สน.ปทก.ศปก.มภ.1) ให้ร่วมเดินทางไปยัง สน.ปทก.ศปก.มภ.1 ที่ ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ เพื่อรับรถคืนจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชา ซึ่งได้มีการส่งมอบกันที่บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา
โดย พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผบ.กกล.บูรพา และ หน.สน.ปทก.ศปก.ทภ.1 ได้มอบหมายให้ พ.อ.อภิชัย จูสนิท รอง เสธ.กกล.บูรพา เป็นผู้แทนในการส่งมอบรถยนต์คืนให้แก่ นายจิรวัฒน์ ที่บริเวณด้านหน้ากองกำลังบูรพา
นายจิรวัฒน์ ยังได้กล่าวขอขอบคุณทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะกองกำลังบูรพา เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสระแก้ว และเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจฝั่งกัมพูชา ที่ช่วยประสานงานจนได้รถยนต์กลับคืนอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จว.สระแก้ว กล่าวว่า เพราะรถคันดังกล่าวมีการติดตั้งระบบจีพีเอส จึงทำให้เจ้าหน้าที่รู้ว่ามีการนำรถข้ามชายแดนและสามารถติดตามได้ทันท่วงที และขณะนี้ทางการกัมพูชาได้จับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ในประเทศกัมพูชาแล้ว 3 ราย พร้อมหญิงไทยคือ น.ส.อสะรีย์ เสาร์คำ อายุ 39 ปี อีก 1 ราย และจะได้ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไปเนื่องจากถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่ทางการกัมพูชาให้ความสนใจ
"ตม.ไทยและกัมพูชา ได้ประสานงานร่วมกัน ซึ่งกรณีรถเช่าที่มีระบบจีพีเอส ทำให้ตรวจสอบการเดินทางของรถได้ว่าไปไหน และเมื่อออกนอกพื้นที่ก็สามารถตัดระบบได้ทันที ซึ่งการจับกุมในคดีนี้เป็นเพราะกัมพูชาได้ออกระเบียบห้ามมีการใช้รถจดทะเบียนพวงมาลัยขวามานานแล้ว ดังนั้น เมื่อมีรถในลักษณะที่ต่างจากกฎข้อบังคับเข้าไปจึงติดตามได้ง่าย และต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาการแจ้งรถหายถือว่าได้คืนน้อยมาก" ผกก.ตม.สระแก้ว กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวยังมีผู้ต้องหาซึ่งเป็นคู่ขาของสาวทอมที่ถูกจับกุมในประเทศกัมพูชาอีก 1 ราย และก่อนหน้านี้ยังเคยถูกเจ้าหน้าที่ สภ.ตาพระยา ควบคุมตัวและปรับในข้อหาเข้าเมืองผิดช่องทาง ส่วนคดียักยอกทรัพย์ที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สน.คลองตัน อยู่ระหว่างการสอบสวน