ศูนย์ข่าวศรีราชา - กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดีเดย์ 1 มกราคม 2563 งดใช้พลาสติก ขอความร่วมมือ 43 ห้างใหญ่ ร่วมมืองดให้ถุงพลาสติกกับลูกค้า ดำเนินการ 1 ปี พร้อมดันเป็นกฎหมายบังคับชัดเจน ท็อป-วราวุธ ชี้เคสมาเรียม เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว ต้องทำอะไรเสียที
วันนี้ (6 ก.ย.) ที่ห้องประชุมอารีย์สัมพันธ์ ชั้น 3 กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานการประชุมหารือการขับเคลื่อนการงดใช้ถุงพลาสติก Everyday Say No to Plastic Bags ปรึกษาหารือร่วมกับเครือข่ายภาคธุรกิจเอกชน ทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อรายใหญ่รวม 43 แห่ง เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการขับเคลื่อนการงดแจกถุงพลาสติกให้กับลูกค้า ตาม Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า รัฐบาล ได้ให้ความสาคัญกับการเร่งรัดการดาเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 ที่มีเป้าหมาย คือ การลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ภายในปี 2565 ด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ การนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ ร้อยละ 100 ภายในปี 2570
การดาเนินงานตาม Roadmap จะช่วยลดปริมาณ พลาสติกที่ต้องนำไปการจัดได้ประมาณ 780,000 ตันต่อปี ประหยัดงบประมาณในการจัดการขยะมูลฝอย 3,900 ล้าน บาท/ปี ประหยัดพื้นที่รองรับและการจัด รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 1,200,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ จึงจำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในการลดรับ ลดให้ ลดใช้ถุงพลาสติก อย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น
ที่ผ่านมา กระทรวงฯ ได้ขับเคลื่อนการลด ละ และเลิกใช้พลาสติกที่เกินความจาเป็น รวมทั้งที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single use) ภายใต้โครงการ “ทำความดีด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อม” โดยเฉพาะการสร้างความร่วมมือกับภาคธุรกิจ เอกชน ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และตลาดสดทั่วประเทศ ที่มีการใช้ถุงพลาสติกเป็นจานวนมาก โดยได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “ทำความดีด้วยหัวใจ ลดรับ ลดให้ ลดใช้ถุงพลาสติก” ร่วมกับภาคีเครือข่าย ภาคเอกชน จำนวน 43 แห่งข้างต้น เพื่องดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้วในวันสิ่งแวดล้อมไทย และวันที่ 4 ของทุกเดือน รวมทั้ง เป็นจุดรับบริจาคถุงผ้า ในโครงการ “บริจาคถุงผ้าใส่ยากลับบ้าน”
1 ปี ที่ผ่านมา นับแต่เริ่มกิจกรรม ระหว่างวันที่ 21 ก.ค.2561-31 ส.ค. 2562 สามารถลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วได้กว่า 2,000 ล้านใบ หรือประมาณ 5,755 ตัน คิดเป็นมูลค่า กว่า 400 ล้านบาท ตลอดจนสามารถรวบรวมถุงผ้าบริจาคให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ไปแล้ว กว่า 8,000 ใบ ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกภาคีเครือข่ายที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องขอความร่วมมือในการช่วยกันทำให้ประเทศไทยปลอดพลาสติก บรรลุเป้าหมายตาม Roadmap โดยเร็ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวด้วยว่า จากความสูญเสียน้องมาเรียม ลูกพยูนที่เป็นที่ติดตามของประชาชนและเยาวชน เหมือนเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว เพราะปัญหามันได้เกิดขึ้นไปแล้ว มีคำถามมากมายว่ากระทรวงฯ จะมีแผนจัดการแก้ไขปญหาเรื่องนี้อย่างไร ถึงแม้ว่าถุงพลาสติกไม่ใช่สาเหตุหลักของการเสียชีวิตของพยูนมาเรียม แต่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง จึงคิดว่าจะเริ่มโครงการเลิกใช้ถุงพลาสกติก ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เร่งรัดให้ดำเนินการจัดการขยะพลาสติก โดยในวันที่ 1 มกราคม 2563 นี้จะเริ่มต้นเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวันเพื่อลูกหลานของเราในอนาคต
โดยขอความร่วมมือเครือข่าย 43 ห้างใหญ่ ร่วมกัน ไม่แจก ถุงพลาสติก และทำความเข้าใจกับลูกค้าประชาชน และต่อไปต้องขับเคลื่อนทั้งในเมืองและท้องถิ่น ทั้งในสถานศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานราชการทั่วประเทศงดใช้พลาสติกในสำนักงาน และในตลอดระเวลา 1 ปี จะดำเนินการคู่ขนานในเรื่องของการผลักดันเป็นกฎหมายงดใช้พลาสติก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ โดยขณะนี้ได้ให้ทางกรมควบคุมมลพิษดูร่างกฎหมาย ก่อนเสนอเข้า ครม.พิจารณาตามลำดับ โดยหวังว่าในวันที่ 1 มกราคม 2564 จะสามารถคลอดกฎหมายงดใช้พลาสติกในประเทศให้ได้
ต่อข้อซักถามว่าหากมีผลิตภัณฑ์ทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความปลอดภัย โดยไม่มีส่วนผสมของพลาสติกและราคาก็เท่ากันจะมีการส่งเสริมหรือผลักดันอย่างไรนั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวตอบว่าเป็นสิ่งที่ดีมากหากมีของที่จะมาทดแทนพลาสติกที่เป้นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิง่ที่ตามหามานาน อย่างไรก็ตามจะได้ศึกษาข้อมูลเพื่อหาแนวทางในเรื่องนี้ต่อไปด้วยเช่นกัน
หลังเสร็จสิ้นการประชุมจึงได้มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวผลการประชุมอย่างเป็นทางการ ก่อนทางคณะรัฐมนตรีจะเดินรณรงค์ “Everyday Say No to Plastic Bags” ร่วมกับศิลปินดารา บริเวณตลาดนัดหลังกระทรวงการคลัง เพื่อประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนออกสู่สาธารณชนต่อไป