ราชบุรี - ผู้ประสานงานเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเขตแนวตะนาวศรี ยันการลอยอังคารไม่มีในคนกะเหรี่ยง มีแค่ 2 วิธีคือ นำไปฝังและนำไปเผา จะไม่แยกชิ้นส่วนกระดูกออกจากกัน มีความเชื่อว่าถ้าแยกชิ้นส่วนจะทำให้ไปเกิดอีกภพไม่สมบูรณ์
วันนี้ (5 ก.ย.) พนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ได้เชิญตัว นายวุฒิ บุญเลิศ ผู้ประสานงานเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเขตแนวตะนาวศรี ราชบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ เพื่อสอบสวนปากคำไปประกอบสำนวนคดีที่พบศพนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญแกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย ซึ่งนายบุญวุฒิ บุญเลิศ เคยเป็นล่ามของนายบิลลี่ เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่
โดยที่พนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน เข้าบันทึกภาพและรายละเอียด หลังเสร็จสิ้นการสอบสวนนายบุญวุฒิ บุญเลิศ ได้เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องที่พบศพนายบิลลี่ว่าตัวเองมีความคิดว่ากรณีที่พบโครงกระดูกของบิลลี่อยู่ในถังที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรีนั้น มีการพูดถึงการลอยอังคารกัน คดีนี้รู้สึกดีที่ทางดีเอสไอ ทำงานสุดความสามารถเป็นมืออาชีพจริงๆ
พร้อมกับทีมงานด้านวิทยาศาสตร์และเครื่องมือด้านเทคโนโลยีต่างๆทำให้คดีคลี่คลาย เชื่อว่าก่อนหน้านั้น ทาง ดีเอสไอคงจะทำงานเก็บข้อมูลอยู่ในพื้นที่มาอย่างยาวนานครบถ้วนแล้วจนถึงวันที่เจอหลักฐานที่เป็นถังกับกระดูก นำไปสู่การพิสูจน์ว่าเกี่ยวโยงกับการตายของบิลลี่ ทางดีเอ็นเอ ทางสายแม่ของบิลลี่
ส่วนการลอยอังคารหรือการลอยกระดูก อยากจะพูดถึงความเชื่อของคนกะเหรี่ยงเกี่ยวกับความตาย การเวียนว่ายตายเกิด สำหรับความเชื่อแบบดั้งเดิมของคนกะเหรี่ยงเชื่อว่าคนเราอยู่ในพื้นที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นโลกของคนตาย และโลกมนุษย์ในปัจจุบัน โลกคนตายกับโลกของมนุษย์เหมือนกัน พอคนหนึ่งจะไปเกิดก็จะแบกอาหารการกินหรือเสบียง พอเสบียงหมดแล้วคือคนที่อยู่ในโลกนี้พอตายก็เหมือนกับเสบียงที่เอามาจากภพที่แล้วหมดลงนั่นก็คือตาย พอตายแล้วคนกะเหรี่ยงจะมี 2 วิธีคือ วิธีแรก นำไปฝัง และเอาไปเผา คนกะเหรี่ยงมีความเชื่อเกี่ยวกับกระดูกเวลาเผาศพคนตายกระดูกก็จะต้องอยู่ตรงนั้น เอากลับมาใส่โกศ กลับมาที่บ้านไม่ได้
เนื่องจากกระดูกจะแยกส่วนกัน ถ้าแยกส่วนแล้วจะทำให้ร่างที่จะกลับไปสู่อีกภพหนึ่งนั้นไม่ครบ ดังนั้นคนกะเหรี่ยงจึงไม่เอากระดูกคนตายที่เผาแล้วกลับมาที่บ้านหรือเอาไปไว้ที่ไหนที่หนึ่ง ตนไปงานศพปู่คออี้ เป็นปู่ของบิลลี่ ได้สอบถามลูกหลานว่าไม่นำกระดูกของปู่คออี้มาเหรอ เขาบอกว่าเอามาไม่ได้ เผาตรงไหนกระดูกต้องอยู่ตรงนั้น ถ้าแยกกระดูกก็หมายความว่าชีวิตใหม่หรืออีกภพหนึ่งไม่ครบถ้วน ดังนั้นความเชื่อเกี่ยวกับลอยอังคารหรือการลอยกระดูกในความเชื่อแบบดั้งเดิมของคนกะเหรี่ยงไม่มีความเชื่อแบบนี้
“สมมุติว่าคนกะเหรี่ยงอยู่โป่งลึกบางกลอย ถ้าจะลอยอังคารทำไมไม่ไปลอยที่สะพานที่โป่งลึกบางกลอย หรือถ้าเกิดกะเหรี่ยงบ้านสองพี่น้องหรือใกล้เคียงก็จะไปลอยที่แม่น้ำเพชรบุรี ถ้าเขามีความเชื่อแบบนั้น แต่ทำไมต้องไปลอยตรงนั้นด้วย แล้วไปลอยตรงนั้นที่สะพานกำลังชำรุดอยู่ รวมทั้งยังมีที่กั้นด้วยใครจะไปลอยแถวนั้น สรุปว่าคนกะเหรี่ยงไม่มีความเชื่อหรือไม่พิธีกรรมเกี่ยวกับเรื่องการลอยกระดูกหรือเอากระดูกไปลอยในน้ำ”
นายวุฒิ กล่าว อีกว่า คนกะเหรี่ยงให้ความเคารพกับธรรมชาติ ซึ่งก็คือต้นไม้ แผ่นดินต่อแม่พระธรณี พอตายแล้วร่างก็กลับสู่ชีวิตเดิม จริงๆ แล้วพิธีกรรมหลังจากคนตายคือเผาแล้วพิธีกรรมดั้งเดิมของคนกะเหรี่ยงที่ไม่ใช่พุทธ ไม่มีการทำบุญ 7 วัน หรือ 100วัน แบบพุทธ ต้องพูดถึงความเชื่อแบบดั้งเดิม อย่างปู่คออี้นั้นอาศัยอยู่ใจแผ่นดิน ความเชื่อทางพุทธศาสนายังไม่ซึมลึกถึงขนาดนั้น ตายก็ตายกันไปแล้วทำพิธีเผากันไป
หลังจากนั้นถือว่าอยู่กันคนละโลก จะนำกระดูกมาไว้ที่บ้านไม่ได้ หากเอากระดูกมาก็ต้องแยกส่วนกัน อย่างไรก็ตามยังเชื่อการทำงานของดีเอสไอที่สามารถค้นพบ และพิสูจน์ถึงการทำงานทำให้ชาวบ้านเกิดความเชื่อมั่นในการทำงานหาคนกระทำความผิด ทำให้ชาวบ้านมีความมั่นใจว่ารัฐยังคงให้การคุ้มครอง ผ่านกระบวนการโดยหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง” นายวุฒิ บุญเลิศ กล่าว