เชียงราย - ทั้ง ม.ราชภัฏฯ-ม.ราชมงคลล้านนาฯ ผนึกกำลังสภาอุตฯ หอฯ ชมรมธนาคาร องค์กรเอกชน และจิตอาสา เดินหน้าผลิตเครื่องวัดฝุ่นไม่พึ่งรัฐ เปิดระดมทุน-ส่ง นศ.ลงมือผลิต หวังติดครบทุกหมู่บ้านทั่ว จว.รับมือวิกฤตหมอกควันซ้ำซาก
มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มร.ชร.) และมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนาเชียงราย สภาอุตสาหกรรม จ.เชียงราย หอการค้า จ.เชียงราย ชมรมธนาคารเชียงราย กลุ่มจิตอาสาวิจัยและพัฒนาพลังงานเพื่อการจัดการภัยพิบัติ องค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย โครงการยักษ์ขาววัดฝุ่น ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการจิตอาสาการผลิตเครื่องวัดฝุ่นขนาดเล็กมอบโรงเรียนในพื้นที่ จ.เชียงราย หรือเอ็มโอยูการเป็นเครือข่ายโครงการดังกล่าว โดยมีตัวแทนจากองค์กรต่างๆ ดังกล่าวร่วมลงนามครบครัน เช่น ผศ.ดร.ศรชัย มุ่งไธสง อธิการบดี มร.ชร. นายอนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้า จ.เชียงราย นายมงคลชัย ดวงแสงทอง หัวหน้าโครงการยักษ์ขาววัดฝุ่น นายฉัตรชัย พัฒนานุภาพ ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.เชียงราย นายสมชาย อนุภาพวิเศษกุล ประธานชมรมธนาคารเชียงราย ฯลฯ
เพื่อระดมทุนร่วมผลิตเครื่องวัดฝุ่นขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร หรือพีเอ็ม 2.5 นำไปมอบแก่โรงเรียนต่างๆ ตามกลุ่มเป้าหมายของแต่ละอำเภอ นำร่องก่อน 50 เครื่อง ซึ่งเบื้องต้นมอบแก่ทางโรงเรียนบ้านผาเดื่อ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง
ผศ.ดร.ศรชัย มุ่งไธสง อธิการบดี ม.ราชภัฏเชียงราย กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองและหมอกควันช่วงต้นปี 2562 ถือว่ารุนแรงและเข้าขั้นวิกฤตในรอบหลายสิบปี จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนของเชียงราย ไม่เฉพาะแต่เพียงภาครัฐจะได้ร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาให้ได้ผลอย่างเต็มที่ ทาง ม.ราชภัฏเชียงรายพร้อมที่จะร่วมกับทุกฝ่ายในการแก้ไขปัญหานี้
นายมงคลชัย ดวงแสงทอง หัวหน้าโครงการยักษ์ขาววัดฝุ่น กล่าวว่า วิกฤตฝุ่นช่วงต้นปี 2562 ที่ผ่านมาทำให้มีผู้ป่วยวันละกว่า 2,000 คน และยังไม่ทราบผลกระทบในระยะยาวโดยเฉพาะต่อเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีผลการวิจัยที่ชัดเจนออกมา รวมทั้งยังทำให้ผืนป่าเสียหายกว่า 200,000-300,000 ไร่ จากพื้นที่ป่าเชียงรายทั้งหมด 7 ล้านไร่
ดังนั้น การติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์เพื่อวัดค่าปริมาณฝุ่นละอองและหมอกควันให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ นอกเหนือจากที่กรมควบคุมมลพิษติดตั้งไว้ที่ อ.แม่สาย และ อ.เมืองเชียงราย จำนวน 2 จุด จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริงหรือเรียลไทม์ โดยเป้าหมายเบื้องต้นของเราคือ ติดตั้งทุกตำบล 125 ตำบลของเชียงราย และหากได้ 1,751 หมู่บ้านทั่วจังหวัดในอนาคตได้ก็ยิ่งดี เพราะเมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็จะได้ใช้พยากรณ์ทิศทางการเกิด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะเตรียมแก้ไขได้ทัน เช่น จัดจุดที่พักสำหรับผู้ป่วย ผู้สูงอายุ นักเรียน, การเข้าดับไฟ, การใช้เครื่องยักษ์เขียว ฯลฯ
“สภาพปัญหาที่ผ่านมาทำให้ทราบว่ากรณีปัญหานี้เราจะมุ่งหวังให้ภาครัฐช่วยเหลือฝ่ายเดียวไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นภาคเอกชนและภาคีเครือข่ายในครั้งนี้จึงเกิดขึ้น และเราจะขยายผลไปยังเรื่องภัยพิบัติอื่นๆ ในอนาคตต่อไป”
ด้าน ผศ.ดร.อนุสรณ์ ตองอ่อน ผู้ช่วยคณบดี คณะครุศาสตร์ ม.ราชภัฏเชียงราย กล่าวว่า สำหรับเครื่องมือดังกล่าวมีขนาดเล็ก ยาวประมาณ 20 ซม. กว้าง 15 ซม. หนาไม่ถึง 10 ซม. น้ำหนักเบาสามารถนำไปติดตั้งตามจุดต่างๆ ที่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต และจากการทดสอบด้วยการนำไปเปรียบเทียบกับเครื่องตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
เมื่อนำไปติดตั้งตามจุดต่างๆ แล้วก็จะรายงานผลมายังศูนย์กลางเซิร์ฟเวอร์ที่ ม.ราชภัฏเชียงราย ซึ่งจะจัดทำเป็นฐานข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ สามารถบอกช่วงเวลา ค่าพีเอ็ม 2.5 พีเอ็ม 10 และอื่นๆ รวมทั้งจัดทำเป็นโปรแกรมนำเสนอหรือแอปพลิเคชันเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยเฉพาะศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.เชียงราย เพราะเมื่อเครื่องถูกนำไปติดตั้งครอบคลุมทั่วจังหวัดก็จะมีแอปพลิเคชันวิเคราะห์และสามารถพยากรณ์ทิศทางลมและการเกิดปริมาณฝุ่นละอองและหมอกควันในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ผศ.ดร.อนุสรณ์ และคณะทีมงานระบุอีกว่า เครื่องดังกล่าวออกแบบและผลิตโดยคณะนักศึกษาภายใต้การอำนวยการของนักวิชาการมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ร่วมลงนามในเอ็มโอยู ใช้ชื่อว่าเครื่องตรวจวัดฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 แต่แท้ที่จริงสามารถบอกค่าปริมาณฝุ่นได้หลายขนาด ตัววัดปริมาณฝุ่นนำเข้าจากต่างประเทศ และนักศึกษานำมาประกอบเพื่อให้ทำงานได้ด้วยการติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ต ตัวรายงานผล ฯลฯ มีต้นทุนการผลิตอยู่ที่เครื่องละประมาณ 3,000 บาท โดยใช้งบประมาณจากทางภาคเอกชนในเครือข่ายดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการลงนามเอ็มโอยูครั้งนี้มีการเปิดตัวนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ กลุ่มองค์กรเกี่ยวข้องกับการอาสาสมัครป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติใน จ.เชียงราย ซึ่งต่างทำงานในช่วงเกิดปัญหาโดยเฉพาะฝุ่นละอองและหมอกควันที่ผ่านมา รวมทั้งมีการเปิดรับบริจาคผู้ที่จะสมทบทุนเพื่อสร้างเครื่องตรวจวัดฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 เพื่อนำไปติดตั้งทั่วพื้นที่ โดยแจ้งหมายเลขบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาเชียงราย หมายเลขบัญชี 507-297-9560 ชื่อบัญชี "เชียงราย ไฟท์ สโมค" ด้วย