“นพ.สำเริง”ถกแนวทางปลูกกัญชาทางการแพทย์ที่อุดรฯ ย้ำขอเป็นสายพันธุ์ดีๆไทย

อุดรธานี-จังหวัดอุดรธานีพร้อมขับเคลื่อนนโยบายการใช้กัญชาทางการแพทย์ ผช.รมว.สธ. ลงพื้นที่ รพ.สต.เชียงพิณ พื้นที่ขอปลูกกัญชา 1 ใน 5 แหล่ง ใน 4 อำเภอ ถกร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เผยอยากให้เป็นสายพันธุ์ดีๆของไทยซึ่งมีอยู่หลายแหล่ง

นพ.สำเริง แหยงกระโทก ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ จังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่ที่แจ้งความจำนงขอปลูกกัญชาในพื้นที่ 4 อำเภอ จำนวน 5 แหล่งปลูก ได้แก่ 1.เขตอำเภอเมือง สถานที่คือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเชียงพิณ 2.อำเภอหนองวัวซอ สถานที่ปลูกมี 2 แห่ง ได้แก่โรงพยาบาลหนองวัวซอ และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองแซง 3.อำเภอบ้านดุง สถานที่ปลูกคือ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชบ้านดุง 4. ตำบลห้วยเกิ้ง อำเภอกุมภวาปี สถานที่ปลูกคือ โรงพยาบาลห้วยเกิ้ง ทั้งนี้อยู่ในระหว่าง ดำเนินการขออนุญาตเพื่อปลูกกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

นพ.สำเริงบอกว่า กัญชาที่ปลูกจะเป็นสายพันธุ์กระรอก จริงๆเราอยากให้เป็นสายพันธุ์ของไทย อะไรก็ได้ เพราะมหาวิทยาลัยสามารถปรับสายพันธุ์หรือผสมสายพันธุ์ได้ เพราะฉะนั้นขอให้ปลูกครั้งแรกก่อน แต่ขอให้เป็นของคนไทยเท่านั้นเอง ซึ่งของจังหวัดอุดรธานีขณะนี้ยังไม่มีปลูก แต่ที่จังหวัดสกลนครมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)อีสานและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(มก.) วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร ปลูกและผลิตกัญชาสด ให้โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ตอนนี้ปลูกแล้วประมาณ 4,000 ต้น

เนื่องจากเห็นว่าอุดรและสกลนครอยู่ใกล้กัน น่าจะขยายสู่ระดับอำเภอ หรือ รพ.สต. เพราะเข้าเกณฑ์กับกฎหมายเก่าว่าจะปลูกได้ หน่วยมหาวิทยาลัยหรือโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย ร่วมมือกับวิสาหกิจ สามารถปลูกได้ เพราะจึงมีความคิดริเริ่มที่อุดรธานี ที่ห้วยเกิ้ง กับรพ.สต.อีก 3 แห่ง และที่รพ.สต.เชียงพิณแห่งนี้ก็เป็นอีกแห่งที่จะปลูก

ปกติการปลูกประมาณ 3-4 เดือนก็จะสามารถเก็บนำใบ ดอก หรือต้น ไปสกัดทำยาได้ การสกัดมีหลายแห่งก็ส่งไปที่แพทย์แผนไทยได้ กระทรวงสาธารณสุข อย.ก็ได้ อภัยภูเบศร์ก็ได้ หรือแม้แต่อุดรเองก็มีที่โรงพยาบาลห้วงเกิ้ง ที่สามารถแปรรูปได้ในการใช้ยา แต่การขออนุญาตนั้นจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก บางแห่งขอมา 2 ปี จึงมีการออกระเบียบที่รัดกุม

เช่นการปลูกนั้นจะต้องมีรั้ว 2 ชั้น ป้องกันอันตรายที่คนจะเข้าไป และคนที่จะเข้าไปจะต้องจดชื่อ หรือมีกล้องส่องจับดูตลอดเวลา และจะมียามเฝ้าด้วยซ้ำไป เพื่อไม่ให้เอากัญชาออกไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น ให้ใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้เท่านั้นเอง บางประเทศของติดจีพีเอสหมายเลขประจำต้นไว้เลย ไม่สามารถเอาไปไหนได้ เพราะฉะนั้นการควบคุมจะต้องรัดกุม เข้มงวด ในการที่จะให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์

สำหรับเมล็ดพันธุ์ก่อนหน้านี้ที่ องค์การเภสัชกรรมนำมาจากต่างประเทศ ราคาแพงมาก ทั้งๆที่ในไทย ที่ภูพานหรือที่ปากช่อง ดงพญาเย็น เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี เพราะฉะนั้นการเอามามีหลายรูปแบบ เดิมเราจดทะเบียนใครมีครอบครองไม่ผิดกฎหมาย หรือการขอจาก ปปส.ซึ่งมีเมล็ดพันธุ์อยู่ สามารถบริจาคเพื่อทางการแพทย์ได้ หรือหลังจากที่เราได้ปลูกในระยะหนึ่ง เราสามารถมีเมล็ดพันธุ์ของเราเองตามต้นตอที่ปลูก รายงาน อย.ไป ว่าเราจะเอามาใช้ประโยชน์ต่อไปก็สามารถหาเมล็ดพันธุ์ได้