ศูนย์ข่าวศรีราชา - พ่อเมืองลุยเอง!! แก้ปัญหาน้ำเน่าชายหาดนาจอมเทียน ส่งกลิ่นเน่าเหม็นกระทบการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการร้านอาหาร และชาวบ้านในพื้นที่ พร้อมเรียกหน่วยงานเกี่ยวข้องถกแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม
จากกรณีที่ผู้ประกอบการร้านอาหาร นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการด้านที่พักและประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายหาดนาจอมเทียน 14 ม.2 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พากันร้องเรียนต่อสื่อมวลชนอยู่บ่อยครั้ง ว่า บริเวณด้านหลังชายหาดซึ่งแต่เดิมมีลักษณะเป็นลำคลองธรรมชาติที่เชื่อมต่อลงทะเล และในอดีตชาวประมงท้องถิ่นจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับนำเรือเข้าออก รวมทั้งเป็นจุดระบายน้ำลงสู่ทะเลกำลังประสบปัญหาน้ำเสียที่ถูกคนมักง่ายลอบทิ้งลงทะเลนาจอมเทียน จนทะลักเข้าสู่คลอง และไม่สามารถระบายลงสู่ทะเลได้
ล่าสุด น้ำในคลองยังมีตะไคราน้ำเกาะหนาจนเกิดกลิ่นเน่าเหม็นอย่างรุนแรง และน้ำเน่าที่ขยายวงกว้างกลายสภาพเป็นแอ่งน้ำเน่าขนาดใหญ่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.00 น วันนี้ (26 ส.ค.) นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นายอนุชา อินทศร นายอำเภอสัตหีบ นายสมพงษ์ สายนภา นายกเทศมนตรีนาจอมเทียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพน้ำเน่าขังบนหาดทรายขาว ก่อนร่วมกับกลุ่มอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก แก้ปัญหาน้ำเน่าเสียในเบื้องต้นด้วยการโยนลูก EM BALL จำนวน 1,000 ลูก และน้ำ EM จำนวน 200 ลิตร ลงสู่แหล่งน้ำท่วมขังที่มีพื้นที่กระจายวงกว้างกว่า 1 ไร่ เพื่อปรับสภาพให้น้ำมีความใส ฆ่าเชื้อโรคและลดกลิ่นเหม็น ก่อนจะเปิดช่องทางระบายน้ำออกสู่ทะเล เพื่อระบายน้ำล้นและปล่อยให้น้ำไหลตามเส้นทางออกสู่ทะเล
ขณะที่ นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ยังเตรียมที่จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียที่เกิดจากการลอบปล่อยน้ำเสียจากครัวเรือนและสถานประกอบการหรือตกค้างตามท่อระบายน้ำ และตามแหล่งน้ำต่างๆ จนส่งผลต่อระบบนิเวศ และธรรมชาติ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริเวณชายหาดนาจอมเทียน 14 ม.2 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติและเป็นพื้นที่ป่าชายเลนอยู่ห่างชายฝั่งทะเลประมาณ 50 เมตร ซึ่งที่ผ่านมา หากมีปริมาณน้ำล้นเกินจากที่กำหนดน้ำจะไหลตามเส้นทางน้ำออกสู่ทะเล
แต่เมื่อช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดคลื่นลมแรงจนเกิดการพัดนำทรายขึ้นมาก่อตัวเป็นแนวผนังเขื่อน และทำให้น้ำไม่สามารถระบายออกสู่ทะเลได้ จนกลายเป็นแอ่งน้ำท่วมขังขนาดใหญ่ และเกิดการหมักหมมจนเน่าเสียตามที่ปรากฏเป็นข่าว
