บุรีรัมย์- ผู้ปกครองชาว อ.นางรอง บุรีรัมย์ โพสต์เตือนภัยแก๊งลักเด็กอาละวาดขับรถตู้สีขาวตระเวนหน้าโรงเรียนหลอกล่อจะพาไปกินขนมและพยายามอุ้ม ด.ช. 8 ขวบขึ้นรถ แต่โชคดีสุนัขเลี้ยงไว้ไล่กัดคนร้ายทำให้รอดหวุดหวิด แม่กลัวไม่ปลอดภัยเฝ้ารับส่งลูกเช้า-เย็น วอน ร.ร.ดูแลใกล้ชิด
วันนี้ (26 ส.ค.) ได้มีผู้ปกครองนักเรียนโพส์ตข้อความเตือนภัยผ่านเฟซบุ๊ก ว่ามีแก๊งลักเด็กออกอาละวาดในพื้นที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ให้พ่อแม่ผู้ปกครองระมัดระวังและดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้ปกครองคนดังกล่าว คือ นางสาวภัทราภรณ์ ค้ำคูณ อายุ 37 ปี ชาวตำบลหนองโสน อ.นางรอง เล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงเลิกเรียน ด.ช.วิศรุต ค้ำคูณ หรือ น้องภูมิ อายุ 8 ขวบ บุตรชาย ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.2 และ ด.ญ.ขญานิษฐ์ ชูบัวทอง หรือ น้องเพลง อายุ 10 ขวบ หลานสาวซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.4 กำลังพากันเดินกลับบ้านโดยเดินมาตามริมถนน มีรถตู้คันสีขาวไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนขับเข้ามาจอดบริเวณที่ลูกและหลานกำลังเดินอยู่ จากนั้นมีชายรูปร่างสูงใหญ่เดินเข้ามา บอกกับลูกชายว่า หิวขนมมั๊ย ไปกินขนมหรือเปล่า แล้วเดี๋ยวจะพาไปส่งที่บ้าน ซึ่งลูกชายตอบไปว่าไม่
หลังจากนั้นมีผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนขับ ได้ลงมาจากรถแล้วตรงเข้ามาหาลูกชายและพยายามจะอุ้มลูกชายขึ้นรถตู้ แต่โชคดีที่สุนัข ซึ่งน้องเลี้ยงไว้ได้วิ่งเข้าไปเห่าและกัดชายคนที่พยายามจะอุ้มน้องขึ้นรถ จากนั้นคนร้ายทั้งสองคนจึงได้ขึ้นรถขับหลบหนีไป พอมาถึงบ้านลูกชายและหลานสาวก็มาเล่าให้ฟัง แม่ตกใจและรู้สึกเป็นห่วงลูกชายและหลานสาว กลัวจะถูกแก๊งลักเด็กจับตัวไป จึงย้ำน้องว่า ห้ามไปกับใครเด็ดขาด พร้อมทั้งได้นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปโพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่อเตือนภัยพ่อแม่ผู้ปกครองให้ระมัดระวังดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวแก๊งดังกล่าวจะหวนกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก
นางภัทราภรณ์ บอกอีกว่า ปกติ ลูกชายและหลานสาว จะเดินไปกลับบ้านเองทุกวัน เพราะบ้านอยู่ห่างจากโรงเรียนแค่ประมาณ 200 เมตร แต่ระหว่างทางจะมีช่วงที่เป็นบ้านร้างและมีป่า คิดว่าแก๊งรถตู้คงเห็นอาศัยจังหวะช่วงที่เด็กเดินมาถึงบ้านร้างและป่า จึงได้ทำการหลอกล่อและพยายามจะอุ้มลูกชายขึ้นรถ แต่ยังโชคดีที่สุนัขวิ่งไปเห่าและกัดคนร้าย ทำให้น้องรอดมาได้ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้นลูกชายก็จะบอกตนเองตลอดว่ากลัว ซึ่งหลังจากนี้ตนก็จะไปรับไปส่งลูกและหลานด้วยตัวเอง พร้อมทั้งจะฝากให้ทางโรงเรียนช่วยดูแลเด็กๆ อย่างใกล้ชิดมากขึ้นด้วยเพื่อความปลอดภัย และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักพาเด็ก
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชาย ตนเองไม่ได้ไปแจ้งความเพราะคิดว่าลูกชายยังไม่ได้รับอันตรายอะไร แค่นำเรื่องราวไปโพสต์เตือนภัยในสังคมออนไลน์ และย้ำเตือนลูกว่าอย่าหลงเชื่อคนแปลกหน้า และก็จะดูแลลูกอย่างใกล้ชิดมากขึ้นด้วย